บทเรียน

บทเรียนทางโลก อาศัยเการเรียนรู้ ที่มีอยู่ในตำรา และจากประสพการณ์ของคนอื่น(ความสำเร็จ)

บทเรียนทางธรรม อาศัยการเรียนรู้ชัดอยู่ ภายในกายและจิต
ข้อสอบ คือ สิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งภายนอกและภายใน ของสิ่งที่เกิดขึ้น ตามความเป็นจริง

ส่วนคำเรียกต่างๆ นั่นรูป นี่นาม เป็นการให้ค่าสิ่งที่เกิดขึ้น ตามเหตุปัจจัยที่ยังมีอยู่

สภาวะที่เกิดขึ้น ตามความเป็นจริง ไม่มีชื่อเรียก มีแต่ สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้น ย่อมดับลงไปตาเหตุปัจจัย ของสิ่งๆนั้น

การใส่ชื่อเรียกลงไป เป็นการกำกับ ปักหมุด เป็นการคลำทาง เส้นทางที่กำลังเดินอยู่ กล่าวคือ

แรกๆ ลูบคลำบัญญัติไปก่อน(โลกียะ) เมื่อสภาวะปรัมัตถ์ เกิดขึ้นตามความเป็นจริง จิตจะละทิ้งบัญญัติไปเอง(โลกุตระ)

เมื่อรู้ชัดสภาวะปรมัตถ์ ตามความเป็นจริง ย่อมรู้ชัดในบัญญัติ ลักษณะอาการ ที่เกิดขึ้น ตามความเป็นจริง ของบัญญัตินั้นๆ

บัญญัติ-ปรมัตถ์

“ถ้ามีคนอยู่สองคน ระหว่างคนสองคนอะไรเป็นสมมุติ แล้วอะไรเป็นปรมัตถ์”

ตากระทบรูป รูป เป็นปรมัตถ์

บัญญัติบดบังสภาวะ

เหตุของอวิชชาหรือความไม่รู้ที่มีอยู่ เมื่อตากระทบรูป จึงมองเห็นสิ่งที่ปรากฏ ที่สมมุติเรียกว่า คน มากกว่า จะมองเห็นว่าเป็นรูป

สัญญา

๗ มิย.๕๖

ถูกกระตุ้นเตือนด้วยสัญญา ถึงแม้ว่า ยังมีความขี้เกียจอยู่ก็ตาม
เมื่อเช้า ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมอาหารให้เจ้านาย จิตคิดพิจรณาขึ้นมา เป็นภาพสมัยที่ทำงาน อยู่ในห้องทำงาน เห็นภาพตัวเอง ยืนเย็บผ้า ยืนเป็นชม. สลับกับการเดิน แล้วต่อด้วย นั่งที่พื้น หลบอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน

ทำเพื่อตัวเอง

เช้านี้ รีดผ้าตั้งแต่ ๖ ครึ่ง จนถึง ๗ โมงครึ่ง ระหว่างรีดผ้า เล่าให้เจ้านายฟัง เกี่ยวกับสิ่งที่จิตคิดพิจรณา บอกกับเจ้านายว่า ที่ไม่เคี่ยวเข็นเจ้านาย เพราะเข้าใจความรู้สึกดี ต้องรู้ ต้องเห็น ด้วยตนเอง จิตไม่มีหวนกลับอีกแล้ว

เวลาติดขัดสภาวะไหนอยู่ จะมีสภาวะสัญญาเกิดขึ้นมาเอง เพื่อให้เห็นแนวทางของการทำความเพียรว่า ควรทำอย่างไรกับสภาวะที่เป็นอยู่ นี่ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว ยังไม่ขยับไปไหนเลย

ขณะที่กำลังรีดผ้าอยู่ มีสัญญาเกิดเรื่อง การทำเพื่อตัวเอง โอ้ … สภาวะกิเลสนี่ละเอียดจริงหนอ ทุกๆการกระทำ ล้วนมีตัวตัณหา ความทะยานอยากแทรกแซงอยู่เนืองๆ เพียงแต่ จะรู้ทันหรือไม่เท่านั้นเอง

การทำงาน การเลี้ยงลูก การเลี้ยงดูพ่อแม่ ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้น มีการเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น หรือไม่เกี่ยวข้องกับใครก็ตาม ล้วนทำเพื่อตัวเอง

ถ้าแบบหยาบๆ การทำบุญ เราทำเพื่อตัวเอง หวังสวรรค์ หวังนิพพาน

เลี้ยงดูพ่อแม่ ให้พ่อแม่สบาย เราทำเพื่อตัวเอง ต่อไปเราก็สบาย ไม่ตกต่ำ เนื่องจากให้การเลี้ยงดูพ่อแม่

มีลูก เลี้ยงดูลูกให้ดี ลูกเป็นคนดี เราทำเพื่อตัวเอง ต่อไป เราก็สบาย

การทำงาน เราตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด เราทำเพื่อตัวเอง ไม่ต้องตกงาน

การปฏิบัติ ตั้งใจทำความเพียร ทำต่อเนื่อง เพราะไม่ต้องการเกิด หรือทำเพราะรู้ก็ตาม เราล้วนทำเพื่อตัวเอง

กิเลส ในการสร้างเหตุที่เป็นกุศล มีสภาวะที่ละเอียดมาก เพราะคำตอบสุดท้าย ที่ทำทุกๆสิ่ง ที่เป็นกุศล ล้วนทำเพื่อตัวเอง

เหตุของความไม่รู้ที่มีอยู่ เมื่อเกิดการยึดติด จึงเกิด มานะกิเลส(ตัวกู) ทันที

จริงๆแล้ว สภาวะสัญญา นี่คุณประโยชน์ เป็นอันมาก ถ้ารู้ทัน อย่างน้อยๆ สลัดความมีตัวกู ของกู ได้ชั่วครว เป็นเหตุให้ งดการสร้างเหตุชั่วคราว ผลคือ ภพชาติที่จะเกิดขึ้นใหม่ สั้นลง

อ่อ…. พอดีนึกถึงคำว่า นิพพุตา เกี่ยวกับการกระทำในแบบที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ สามี ภรรยา บุตร ญาติ พนักงาน หัวหน้า ล้วนเป็นที่เย็นใจให้กับบุคคลรอบข้าง อันนี้เป็นการอุปมาอุปมัย ให้เห็นภาพ

“นิพพุตา นูน สา มาตา
นิพพุโต นูนโส ปิตา
นิพพุตา นูน สา นารี
ยัสสายัง อีทิโส ปติ”

ถอดเป็นร้อยแก้วในภาษาไทยว่า “ผู้ใดได้เป็นพระราชมารดาและพระราชบิดาของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้นั้นจะมีความสุขดับทุกข์เข็ญ สตรีใดได้เป็นพระชายาสตรีนั้น ก็จะมีความสุขดับทุกข์เข็ญ”

บัญญัติ-ปรมัตถ์

คำเรียก กับ สภาวะที่เกิดขึ้น

ความหมาย เขาเพียงแยก ตามลักษณะอาการที่เกิด เหมือนๆกับ กิน รับประทาน ยัด แด-ก เพื่อใช้ในการสื่อสาร ให้เข้าใจไปในทางเดียวกัน

ใครรู้แค่ไหน ย่อมอธบายได้แค่นั้น ถูก-ผิด จริง-ไม่จริง ดี-ชั่ว ใช่-ไม่ใช่ ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงใช้สำทับคำลงไปในลักษณะของอาการ ถูกใจ-ไม่ถูกใจ

เป็นสภาวะหยาบๆของทิฏฐิสังโยช์หรือสักายทิฏฐิ เมื่อยังละสังโยชน์ข้อนี้ไม่ได้ จึงมักจะมีคำพูดเหล่านี้ ติดปากประจำ

เมษายน 2024
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930  

คลังเก็บ