๗ มิย.๕๖
ถูกกระตุ้นเตือนด้วยสัญญา ถึงแม้ว่า ยังมีความขี้เกียจอยู่ก็ตาม
เมื่อเช้า ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมอาหารให้เจ้านาย จิตคิดพิจรณาขึ้นมา เป็นภาพสมัยที่ทำงาน อยู่ในห้องทำงาน เห็นภาพตัวเอง ยืนเย็บผ้า ยืนเป็นชม. สลับกับการเดิน แล้วต่อด้วย นั่งที่พื้น หลบอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน
ทำเพื่อตัวเอง
เช้านี้ รีดผ้าตั้งแต่ ๖ ครึ่ง จนถึง ๗ โมงครึ่ง ระหว่างรีดผ้า เล่าให้เจ้านายฟัง เกี่ยวกับสิ่งที่จิตคิดพิจรณา บอกกับเจ้านายว่า ที่ไม่เคี่ยวเข็นเจ้านาย เพราะเข้าใจความรู้สึกดี ต้องรู้ ต้องเห็น ด้วยตนเอง จิตไม่มีหวนกลับอีกแล้ว
เวลาติดขัดสภาวะไหนอยู่ จะมีสภาวะสัญญาเกิดขึ้นมาเอง เพื่อให้เห็นแนวทางของการทำความเพียรว่า ควรทำอย่างไรกับสภาวะที่เป็นอยู่ นี่ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว ยังไม่ขยับไปไหนเลย
ขณะที่กำลังรีดผ้าอยู่ มีสัญญาเกิดเรื่อง การทำเพื่อตัวเอง โอ้ … สภาวะกิเลสนี่ละเอียดจริงหนอ ทุกๆการกระทำ ล้วนมีตัวตัณหา ความทะยานอยากแทรกแซงอยู่เนืองๆ เพียงแต่ จะรู้ทันหรือไม่เท่านั้นเอง
การทำงาน การเลี้ยงลูก การเลี้ยงดูพ่อแม่ ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้น มีการเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น หรือไม่เกี่ยวข้องกับใครก็ตาม ล้วนทำเพื่อตัวเอง
ถ้าแบบหยาบๆ การทำบุญ เราทำเพื่อตัวเอง หวังสวรรค์ หวังนิพพาน
เลี้ยงดูพ่อแม่ ให้พ่อแม่สบาย เราทำเพื่อตัวเอง ต่อไปเราก็สบาย ไม่ตกต่ำ เนื่องจากให้การเลี้ยงดูพ่อแม่
มีลูก เลี้ยงดูลูกให้ดี ลูกเป็นคนดี เราทำเพื่อตัวเอง ต่อไป เราก็สบาย
การทำงาน เราตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด เราทำเพื่อตัวเอง ไม่ต้องตกงาน
การปฏิบัติ ตั้งใจทำความเพียร ทำต่อเนื่อง เพราะไม่ต้องการเกิด หรือทำเพราะรู้ก็ตาม เราล้วนทำเพื่อตัวเอง
กิเลส ในการสร้างเหตุที่เป็นกุศล มีสภาวะที่ละเอียดมาก เพราะคำตอบสุดท้าย ที่ทำทุกๆสิ่ง ที่เป็นกุศล ล้วนทำเพื่อตัวเอง
เหตุของความไม่รู้ที่มีอยู่ เมื่อเกิดการยึดติด จึงเกิด มานะกิเลส(ตัวกู) ทันที
จริงๆแล้ว สภาวะสัญญา นี่คุณประโยชน์ เป็นอันมาก ถ้ารู้ทัน อย่างน้อยๆ สลัดความมีตัวกู ของกู ได้ชั่วครว เป็นเหตุให้ งดการสร้างเหตุชั่วคราว ผลคือ ภพชาติที่จะเกิดขึ้นใหม่ สั้นลง
อ่อ…. พอดีนึกถึงคำว่า นิพพุตา เกี่ยวกับการกระทำในแบบที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ สามี ภรรยา บุตร ญาติ พนักงาน หัวหน้า ล้วนเป็นที่เย็นใจให้กับบุคคลรอบข้าง อันนี้เป็นการอุปมาอุปมัย ให้เห็นภาพ
“นิพพุตา นูน สา มาตา
นิพพุโต นูนโส ปิตา
นิพพุตา นูน สา นารี
ยัสสายัง อีทิโส ปติ”
ถอดเป็นร้อยแก้วในภาษาไทยว่า “ผู้ใดได้เป็นพระราชมารดาและพระราชบิดาของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้นั้นจะมีความสุขดับทุกข์เข็ญ สตรีใดได้เป็นพระชายาสตรีนั้น ก็จะมีความสุขดับทุกข์เข็ญ”