สมาธิระเบิดระเบ้อเลย ดันสติไม่ดี ตั้งนาฬิกาจับเวลาผิด ผ่านไปตั้งช.ม.กว่าแล้ว สมาธิมันก็เต็มเปี่ยมตลอดไม่มีลด
วันนี้เจอสุขในสมาธิ มันแนบแน่นมากๆ ก็รู้ลงไปอย่างเดียว
ดูมันไป แต่ว่าสุขอยู่นานมาก ยืนซะ เช้า 3 ช.ม. ครึ่ง บ่ายอีก 3 ช.ม. ครึ่ง
ดีใจที่ว่ามีคนเริ่มเข้าใจสติปัฏฐาน 4 มากขึ้น เริ่มมีคนหันมาทางนี้มากขึ้น ไม่ไปยึดติดกับสมาธิ เราบอกว่า สมาธิน่ะทำให้เกิดขึ้นง่าย แต่สติน่ะ ทำให้เกิดขึ้นได้ยากกว่า เมื่อคุณมี สติ สัมปชัญญะ สมาธิย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย จะทำอะไร สมาธิก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา พี่ไข่บอกว่า มิน่า เข้ามาทีไร มือไม่เคยว่าง เย็บแต่ผ้า เราบอกว่า สมาธิดีนะพี่ ยิ่งเอาจิตไปจดจ่อ ตั้งสติอยู่กับงานที่ทำ อยู่กับเข็มเย็บผ้า มันมีสมาธิเกิดขึ้นตลอดเวลา ก็ยืนเอา ถ้าสมาธิดี มันไม่เมื่อยหรอก พอสมาธิมันคลายอุปทานมันก็มา มันก็รู้สึกว่าเมื่อย เมื่อยืนเมื่อย ก็เปลี่ยนเป็นเดิน ไม่นั่งหรอก เสื้อผ้าน่ะตัดไม่เป็นหรอก อาจจะเย็บผิดบ้างถูกบ้างก็ค่อยๆเย็บ ค่อยๆรื้อมันออกไป เดี๋ยวก็เป็นเอง ที่ทำผิดเพราะไม่เคยทำ พอรื้อบ่อยๆ มันก็จะรู้เองว่าควรทำอย่างไรต่อไป
พอดีคุยกับพี่เขาเรื่องงานที่ทำ เรื่องเงินที่ได้รับ ว่า ถ้าไปอยุธยา ได้วันละ 1000 บาท ค่าเวรน่ะ แต่คนงานน่ะประมาณ 50-60 คนต่อวัน เราว่า เราไม่มีเวลาปฏิบัติแน่ๆ ไหนจะค่าอาหาร ค่าเดินทาง ที่พักเขามีให้ แต่ต้องจ่ายอย่างอื่นเอง เราคิดแล้ว เราบอกพี่ไข่ว่า ทุกอย่างอยู่ที่เราพอใจ ถ้าเราพอใจเสียแล้ว ไม่ว่าจะเอาอะไรมานำเสนอเราก็ไม่สนใจ ถึงแม้ผลที่ได้รับมันจะมากกว่า ( ผลทางโลก ) เราอยู่ที่นี่ดีกว่า ผลทางโลกเราไม่สนใจ เราสนใจผลทางธรรมมากกว่า เพราะถ้าผลทางธรรมดีเสียแล้ว ผลทางโลกย่อมดีเอง
จะไปเอาอะไรกับชีวิต จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ไปอยากมี อยากได้อะไรให้มันมากมาย เราเล่าให้น้องเขาฟังว่า เหตุที่เราบอกเลิกกับคนที่เคยคบกันเพราะอะไร เวลานั่งสมาธิหรือเดินจงกรมทุกๆครั้ง มันจะมีคำถามผุดขึ้นมาเสมอๆ เช่น เมื่อก่อนที่เราทำงาน ร.พ. เวรเราจะมีคนไข้ dead บ่อย บางคนก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น เรียกให้เราช่วย เราก็พยายามที่จะช่วย แต่ช่วยไม่ได้เลยสักคนเดียว บอกตามตรง ตอนนั้นรู้สึกสังเวชใจมากๆ ทำไมถึงช่วยเขาไม่ได้ เวลามีคนไข้ระยะสุดท้าย ที่ไม่ยอมไป พี่เขาจะต้องตามเราทุกที บอกว่า วลัยพร ไปช่วยเขาหน่อย ให้เขาหมดห่วง นี่เป็นซะเสียอย่างนี้ มีหลายเคสที่เรานำทางไปให้ บางเคสก็นำกลับมาได้ เพราะชะตาเขายังไม่ถึงฆาต บางเคสก็ช่วยไม่ได้ ตอนนั้นยอมว่าทุกข์ใจมากๆ อยากไปปฏิบัติ ก็ไปได้ยาก อยู่แต่เวรดึก พักร้อนทีก็โดนบ่น เพราะหาคนแทนไม่ได้ ตอนเคสสุดท้ายนี่ ยอมรับเลยว่า เราทนไม่ได้ เขาส่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญปร่ำว่าจะขาดใจตาย สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น นี่ขนาดผ่านไปนานแล้วนะ คิดถึงเคสนี้ทีไร น้ำตาไหลทุกที สงสารเขามาก เราช่วยเขาไม่ได้เลย เขาเป็นโรค sle วันนั้นเราเวรบ่ายดึก เขาก็ยังดูปกติดี ไม่ว่าจะความดัน ชีพจร ปกติดีทุกอย่าง เป็นผู้หญิง อายุ 30 กว่าๆ อวบๆหน่อย วันนั้นอยู่เวรกันแค่ 3 คน คนขาดน่ะ เราอยู่รอบแรก อยู่ถึงตีสาม ทีนี้ตอนตี 2 เราต้องวัด v/s เขาก็ปกติดีทุกอย่าง น้องไปอีกฟากหนึ่ง คนละฟาก ตีสองกว่าๆ เราได้ยินเสียงคนร้องไห้ เสียงแบบที่บอกน่ะ เราก็เดินดูว่าเตียงไหน ถามเพื่อว่าได้ยินไหม เขาบอกว่า ได้ยิน ลองไปเดินหากันดู มีคนไข้อยู่ 10 คน พอลุกขึ้นเดินดู เสียงก็เงียบหายไป ทุกเตียงหลับสนิท เรากลับมานั่ง แป๊บเดียวเอง เอาอีกละ เสียงร้องไห้แบบเดิมอีกละ เป็นแบบนี้ถึง 3 ครั้ง แล้วก็ไม่มีอีก ทีนี้หาไม่ได้นี่ ก็มองหน้ากัน แต่ไม่พูดอะไร เพราะต่างคนต่างก็กลัวว่าอีกคนจะกลัว ตัวเพื่อนเองก็มีสัมผัสเหมือนกัน พอเปลี่ยนรอบ ทีไหนได้ ตีห้าน้องเขาวัด v/s ต้องลุกขึ้นเลย เขาบอกว่า คนไข้เตียงนี้ dead ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ เฮ้อ …. คิดแล้วหดหู่ทุกทีเรื่องนี้ แต่ก็ต้องขอบคุณเขานะที่เขาทำให้เราลาออกจากร.พ. ทำให้เราหันมาปฏิบัติอย่างจริงจัง เพราะว่าเรากลัวจะเป็นเหมือนคนไข้ที่ต้องตายแบบขาดสติ ไม่มีที่พึ่ง พูดถึงเรื่องนี้ทีไร ทำไมมันต้องเศร้าอย่างนี้ด้วยก็ไม่รู้
บางบ้านมาตามเราไปทำแผลมั่ง ไปเฝ้าไข้มั่ง เราบอกแล้ว ถ้าเราไปญาติเขาต้องตาย ไม่มีใครเชื่อ ไปทีไร ตายทุกบ้าน รู้หนอแบบนี้ไม่ดีเลย แต่บางคนเขาบอกว่าดี ทำให้เขาเตรียมงานศพล่วงหน้าได้ทัน เหมือนน้องที่โรงงาน เขามาปรึกษาเรื่องพ่อเขาที่เป็นโรคไต เราแนะนำให้เขาอโหสิกรรมให้กับพ่อของเขา กับเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา มันจะมาส่งผลที่ตัวเขา เขาไปทำตามที่เราบอก แล้วเราก็บอกว่า ให้พ่อบริจาคร่างกายซะ อวัยวะทั้งหมดน่ะ ท่านจะได้สร้างกุศลครั้งสุดท้าย ให้ติดต่อร.พ.จุฬา เป้นเรื่องที่แปลกมาก ความจริงแล้วน้องเขามีเพื่อนที่อยู่ ร.พ.จุฬา ไม่เคยเจอกันเลยมาสี่ห้าปีแล้ว วันที่เราบอกเขานั้น เขาตั้งใจว่า เช้าจะไปร.พ.จุฬาเอง แต่เพื่อนคนนี้อยู่เวรดึกโทรฯมาหาเขา เขาก็เลยไม่ต้องไป สรุปแล้ว เรียบร้อยดีทุกอย่าง ผ่านไปสามวัน พ่อเขาเสีย เขาถามเราว่า รู้ได้ยังไงว่าพ่อเขาต้องเสีย เขาเลยทางสะดวกทุกอย่าง งานศพก็หมดไปไม่กี่ตังค์ เพราะญาติต้องการให้จัด ถ้าไม่เตรียมล่วงหน้า ต้องหมดเป็นแสนแน่นอน เราบอกว่า เราไม่รู้อะไรหรอก มันพูดขึ้นมาเอง เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ตอบไม่ได้
ชีวิตเรานี่ ถ้าเล่าไปก็เหมือนนิยายที่ไม่รู้จบ เล่าได้ไม่ซ้ำตอน ยกเว้นเรื่องคนไข้และอีกหลายๆเรื่องที่จำฝังตาย ส่วนมากจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความตาย มากกว่าเรื่องอื่นๆ ถ้าเราไม่มาพบหลวงพ่อจรัญ ไม่ได้มาเจริญสติปัฏฐาน 4 ชีวิตเราก็คงยังเหมือนๆชาวบ้านทั่วๆไป เกือบไปแล้วทีแรก กับคนที่เคยคบกัน เพราะผลของการปฏิบัติแท้ๆที่ทำให้เราและเขา เป็นเพียงแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน เวลาทำสมาธิหรือเดินจงกรม อย่างที่บอกว่ามันจะมีคำถามขึ้นมา เช่นก่อนจะลาออกจากงาน มันมีคำถามว่า เราต้องการอะไร ต้องการเงินมากๆแบบทุกวันนี้หรือ ต้องทนฟังคนมาขอความช่วยเหลือโดยที่ไม่เห็นตัวเขาอย่างนั้นหรือ มีเงินมากแล้วช่วยอะไรได้ ชีวิตมีแต่ฟุ้งเฟ้อไปวันๆ นี่เพิ่งยกชุดนอนให้พี่ไข่ไป เป็นเสื้อนอนตัวใหญ่ ตัวละ 1000 กว่านะนั่น ซื้อไว้เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ใส่ครั้งเดียวเอง ไม่รู้ว่าหน้ามืดซื้อเข้าไปได้ยังไง นี่ไงความฟุ้งเฟ้อ ถามตัวเองทุกวันช่วงนั้นว่าต้องการอะไร สุดท้ายตัดสินใจลาออก เพราะคิดว่า รวยไปก็เท่านั้น สุดท้ายก้ต้องตาย เอาอะไรไปไม่ได้ เห็นไหม เงินน่ะหาง่าย ความสุขล่ะมีไหม มีเหมือนกัน สุขแบบหลอกตัวเองไปวันๆ สุขทางโลกไม่เหมือนกับสุขทางธรรม สุขทางธรรมแล้ว ทางโลกยังไงก็ได้ เพราะมันแทบจะไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ทางโลกน่ะ ก็หลุดไปทีละอย่าง ถ้าถามว่า เสียดายเวลาไหม ไม่เสียดายเวลาหรอก ทุกอย่างเหตุมีผลย่อมมี ไปปฏิบัติมาเที่ยวนี้ พระอาจารย์ท่านบอกว่า ผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน 4 ยิ่งสติ สัมปชัญญะมากเท่าไหร่ หิริโอตัปปะ ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น เหตุนี้เอง เราถึงว่า ตัวเราสกปรก เรื่องส่วนตัวนี่ ไม่ได้เล่าให้พระอาจารย์ฟัง เพราะเลิกกับคนที่คบกันนี่นานแล้ว เพียงแต่มาฟังพระอาจารย์พูดเรื่องนี้ถึงได้เข้าใจว่า ทำไมเราถึงรู้สึกแบบนั้น
ขึ้นต้นเรื่อง พอใจ จบลงไม่รู้เรื่องอะไร รู้สึกสบายใจ อยากจะพูดน่ะ ไม่มีอะไร ยิ่งปฏิบัติมันยิ่งสบายใจ มองโลกในแง่ที่ดีมากขึ้น สดใสมากขึ้น ลูกแมวที่เคยคิดว่าจะเอาไปปล่อย ที่ว่าจิ้มเอาอึมันมาดมน่ะ ว่ามันไม่แตกต่างจากของคนหรอก สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ทำไม่ลง ทุกวันนี้มันโตแล้ว โดยเฉพาะเจ้าตัวแสบ ปีโป้ แต่เราชอบเรียกมันว่า อาโป มันร้ายมากๆนะ มันจะกอดและแนบตัวไปกับตัวเรา ใครจะเอาไปปล่อยได้ลงคอ อ้อ .. เคยสิ ตอนนั้นกำลังโมโห ปล่อยไปบนหลังคา โห … เสียงมันร้องหาเรา เราแอบไปมองมัน มันร้องเสียงแหบเสียงแห้ง เรานอนร้องไห้ทุกคืนเลย สงสารมัน แต่ก็พยายามตัดใจ ใจก็คิดว่า รู้สึกบาปจริงๆ ป่านนี้เจ้าตัวเงินตัวทองกินไปเสียแล้วก็ไม่รู้ ที่ไหนได้ ผ่านไป 1 อาทิตย์ มันมาร้องเรียกเราตรงสวนหน้าบ้าน เราวิ่งออกไปรับมันกลับมาเข้าบ้าน ทุกวันนี้เลยไม่ไปไหนแล้ว บางทีมันเหงา มันก็วิ่งไปสวน หายไปทีเป็นอาทิตย์ แล้วก็กลับมาบ้านเอง มาเรียกที่สวน เราก็จะออกไปรับ แต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว มันวิ่งเข้าบ้านเอง ยกเว้นเวลามีหมาอยู่หกน้าบ้าน มันจะเรียกเราให้ไปเฝ้าหมา แล้วมันก็วิ่งเข้าบ้านเอง แมวมันก็หนาวเป็นนะ มันขึ้นไปนอนซุกบนผ้าห่ม เราเอาผ้าห่มห่มให้มัน นอนหลับปุ๋ยเลย ทั้งสองตัว ไอ้ตัวแสบบบ ขอบอกกกก