ชีวิตมีเเค่นี้ มีเเต่โลกสมมุติ
อาทร สาลี 9 วันที่ผ่านมา
เสียดาย ที่ท่านพระอาจารย์ คึกฤทธิ์ ไปแก้คำสอน ของ /// พระพุทธเจ้า ///
ตามความหลงผิดของตน จากศีลมี ๒๒๗ ข้อ เป็น ศีลมี ๑๕๐ ข้อ
ทำให้ศาสนา เปลี่ยนไป อย่างไม่มีทางหวนกลับมาเป็นอย่างเดิม
- ท่านพระอาจารย์ คึกฤทธิ์ คือ ผู้ทำลาย ศาสนา หรือไม่ ???!!!
/// ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัต และ บรรดา พระอรหันต์ลูกศิษย์ ของท่าน
ก็ถือ ศีล ๒๒๗ ข้อ สืบสอดข้อวัตรปฏิบัติ มาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล
/// รับ พระโอวาทโดยตรง จากพระพุทธเจ้า
จึงสามารถ สำเร็จ พระอรหันต์ได้
+++ การบรรลุเป็น พระอรหันต์นั้น จะต้อง ถ่ายทอดจากพระพุทธเจ้า
สืบทอด ต่อ ๆ มา โดยไม่ขาดสาย เท่านั้น จึงจะสามารถบรรลุเป็น พระอรหันต์ ได้
/// เหมือน การต่อ สายไฟ ถ้า สายไม่เชื่อมกัน ไฟไม่มีทาง มาได้ ไฟจะต้องได้จากแหล่งกำเนิดไฟเท่านั้น /// คนรอบข้าง ตักเตือน ก็ไม่ฟัง ยึดแต่ความคิด ของตัวเอง
ทั้ง ๆ ที่ แนวทางปฏิบัติของตัวเอง ที่คัดค้าน คำสอนของ /// พระพุทธเจ้า ///
ปฏิบัติ เท่าไร ๆๆๆๆๆๆ ก็ไม่มีทาง สำเร็จได้ - ท่านพระอาจารย์ คึกฤทธิ์ คงคิดว่า ชาตินี้ เราคงบรรลุธรรมไม่ได้
เราก็ไม่ควรอยู่เฉย ๆ เราควรสร้างประโยชน์อะไรสักอย่าง ที่ช่วยดำรงศาสนา
อานิสงส์แห่งการช่วยศาสนา จะเป็นบุญติดตัวให้เรา บรรลุในชาติต่อ ๆ ไป
— แต่มันไม่ใช่นะสิ ท่านหลงผิด คิดว่า ตัวเองทำถูก ไปแก้ คำสอน ของ /// พระพุทธเจ้า ///
ผลก็คือ ศาสนา เปลี่ยนไปตลอดกาล แบบไม่สามารถ กลับมาเป็นแบบเดิมได้อีก /// ขอให้ท่านจงคิดได้ และกลับใจเสียใหม่ ///
ท่านพระอาจารย์ คึกฤทธิ์ เอง ก็เคยถูกขับออกจากสำนักของ พระอรหันต์ หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง ไม่ใช่ หรือ ครับ
P J 3 วันที่ผ่านมา (แก้ไขแล้ว)
ตามข่าวให้ดีก่อนดีไหม ท่านไม่ได้เเก้ศีล ศีลของภิกษุจริงๆมี 3,000 กว่าข้อ
แต่ถ้าศึกษาในพุทธวจนพระพุทธเจ้าให้สวดเพียง 150 ข้อ
พระอาจารย์ไม่ได้ตัดศีลข้อไหนออกก่อนจะวิพากษ์วิจารณ์ท่านไปตามข่าวดีๆก่อน
แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นพระอรหันต์
ขนาดพระพุทธเจ้ายังตรัสเลยว่าไม่มีผู้ใดสามารถดูได้ว่าใครเป็นพระอรหันต์
ก่อนจะวิพากษ์วิจารณ์ท่านควรศึกษามาให้ดีก่อนไม่ใช่เพียงเพราะว่าฟังแต่เขาเล่ามา
BooKiE Music 1 วันที่ผ่านมา (แก้ไขแล้ว)
ผู้ที่ฟ้องเขาแพ้คดีหมดแล้ว และถอนฟ้องไปแล้วไม่รู้จะเอาผิดยังไง
เพราะพระไตรปิฎกระบุไว้ชัดเจน แต่ไม่ทราบกันเอง !!
งงมั้ย ?? ชาวพุทธแต่ไม่ทราบว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนอะไร
อย่างไร มีแต่เขาว่า อาจารย์นั้นอาจารย์นี้ พระเองก็ไม่รู้เรื่องเยอะแยะ
ถ้าคุณไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าตรัสอย่างไร สอนอะไร เวลาคุณไปฟังคนอื่นอ้างพระพุทธเจ้า คุณก็เชื่อหมด
ถ้าคุณเข้าใจพุทธวจน คุณจะมองออกเลยว่าพระองค์ไหน อริยะ องค์ไหนปุถุชน เป็นประโยชน์แก่คุณเอง
เพราะสิ่งนี้ นำศรัทธาคุณให้ถึงนิพพานได้ ถ้าคุณไปศรัทธาผิด ไม่มีทางบรรลุธรรมได้แน่นอน พระพุทธเจ้าตรัสไว้เอง
อาทร สาลี 1 วันที่ผ่านมา (แก้ไขแล้ว)
@BooKiE Music ผมเป็นผู้เคยได้มโนมยิทธิปาฏิหาริย์ ครับ
วิชานี้ ผมเรียนมาจาก พระพุทธเจ้า โดยตรง เมื่อสมัยอดีตชาติ
การทำสมาธิ คือ ให้ปลงใจถวายชีวิต ให้กับ พระพุทธเจ้า และ เชื่อในคำสอน ของ พระพุทธเจ้า ทุกอย่าง
ให้มองทุกอย่าง รอบตัวเรา และตัวเรา ว่าเป็นความทุกข์ ทั้งหมด
ทิ้งร่างกาย ไม่สนใจร่างกาย ว่าจะเป็นหรือ จะตาย คิดแค่ว่าเราจะไปนิพพาน ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
เมื่อไม่สนใจร่างกายแล้ว จะเหลือ ลมหายใจ
ให้เราสนใจลมหายใจ ปล่อยให้หายใจเข้าออกตามปกติ
อย่าดันลม อย่าบังคับลมเข้าออก จะสามารถเข้า สมาธิ ขั้นที่ ๑ ได้
คือ ไม่สนใจร่างกายแล้ว และ รักษาสมดุล การหายใจเข้าออกได้ เรียกว่า ฌานที่ ๑
เมื่อไม่สนใจ ร่างกายแล้ว ก็ทิ้งร่ายกายไปเสียเลย
ผมเป็นผู้ทำสมาธิ มานับหลายชาติแล้ว เริ่มตั้งแต่ สมัย/// พระมังคละสัมมาสัมพุทธเจ้า ///
นับเรื่อยมา จนถึงสมัย /// พระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า /// คือ สมัยนี้
เมื่อทิ้งร่ายกาย ไม่ใยดีแล้ว ก็เข้าถึง ฌานที่ ๔ ได้เลย
เพราะความชำนาญที่เคยทำ มาได้หลายชาติแล้ว
เมื่อเข้าฌาน ๔ ได้แล้ว ก็เข้า ต่อ ๆ ไปอีก จนถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ
จากจุด เนวสัญญานาสัญญายตนะ ไป สัญญาเวยิทตนิโรธ
ผมอาศัย /// องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ///
เนรมิต ให้ เกิดขึ้น เป็น พระนิพพาน
ทดลองงาน ที่/// องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ///
ทรงเมตตา เนรมิตให้ สำหรับผู้ที่สามารถ บรรลุ พระอรหันต์ ได้
แต่ ท่าน ยังไม่อนุญาต ให้ถึงนิพพาน ในตอนนี้ เพราะมีภารกิจที่ยังต้องทำอยู่
เมื่อ ถึง พระนิพพาน แล้ว ก็รักษาอารมณ์ ให้ทรงตัว และ สนทนาธรรม กับ/// องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ///
เมื่อถึงเวลาอันสมควร ท่านจะให้ ถอนสมาธิออก และกลับมาสู่กายหยาบอย่างเดิม
โดยให้ ค่อย ๆ ถอนออกทีละชั้น ๆ ตั้งแต่ ปลาย ไปหา ต้น สังเกตอารมณ์ จดจำให้เจ้าใจชัดเจน จนจิด เข้าร่างกายตามเดิม
ตอนอายุ 18 ผมก็ ใช้มโนมยิทธิปาฏิหาริย์ นำจิตยกสู่ พระนิพพาน สามารถ สนทนาธรรม กับ/// พระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ///
ผมเข้าใจ ทั้งหมด !!!!! นะแหละครับ
ขั้นตอนตั้งแต่เริ่มสร้างเนื้อสร้างตัว ไปจนถึง พระนิพพาน และ การถอนสมาธิ จาก พระนิพพาน เข้าสู่ ปุถุชนจิต ผู้มากด้วยกิเลส
ทำไมผมจะทำไม่ได้ คิดผิดให้คิดใหม่ ได้เลยนะ
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ นะหลงผิด
ความอ่อนโยนในธรรม ไม่มี ความเอื้อเฟื้อในความละเอียดอ่อนของใจ ไม่มี
ไม่ใช่ผู้จะสามารถเข้าถึงพระนิพพานได้ ถ้ายังไม่แก้ความหลงผิด
พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ทุกท่าน ก็ต่างปฏิบัติ ศีล ๒๒๗ สิกขาบท
แม้กระทั่งจีวรก็ต้องไปหาผ้าจากป่าช้า จริง ๆ เอามาย้อมน้ำฝาดเอง ไม่ซื้อ จึงสามารถบรรลุธรรมได้
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไม่ทำตามท่านที่ บรรลุธรรมได้ แต่คิดเองทำเอง ทำไมทำแบบนั้น ใครเตือนก็ไม่ฟัง .
/// ตกนรก หมกไหม้แล้ว ///
ที่บอกว่า อาตมาได้ตำรามา ตำรานี้ไม่ผิดแน่ ศีลมี แค่ ๑๕๐ สิกขาบท
อยากถามว่ารู้ได้อย่างไร ตำราปลวก ไม่กัดหรือ .
แล้วได้มาครบทุกเล่ม หรือไม่ แล้วเวลาผ่านมานาน การสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ผิดเพี้ยน หรือ ?
คิดเอง เออเอง ดื้อด้านศาสนาพัง เพราะพระอาจารย์คึกฤทธิ์
/// จงเลิกทำแบบนี้เสีย ///
ศีลมี ๒๒๗ สิกขาบท ไม่ใช่ ๑๕๐ สิกขาบท
ตัดส่วนที่เหลือทิ้งทำไม หรือ คิดว่า ผมปฏิบัติ แค่ ๑๕๐ สิกขาบท ก็บรรลุธรรมได้
ไม่ทำตามคำสอน ของ/// องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ///
คนที่ไม่ทำตามคำสอนของ พระพุทธเจ้า และ ไม่มีจิตอ่อนโยน เอื้อเฟื้อใจในความละเอียดอ่อน ของ พระธรรม
/// ดื้อรั้น ดิ้อด้าน ไม่มีทางบรรลุธรรมได้หรอก คือ อาบัติสังฆาทิเสส เท่า พระฉันนะ ///
วลัยพร walailoo2010 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา
@อาทร สาลี ตรงนี้”สัญญาเวยิทตนิโรธ” จะมีมิจฉาสมาธิและสัมมาสมาธิ
หากเป็นสัญญาเวยิทตนิโรธที่เป็นสัมมาสมาธิ หากได้มรรคผลครั้งแรกคือโสดาปัตติผล
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมไว้ สามารถพิสูจนได้
คือต้องทำกรรมฐาน จะสมถะหรือวิปัสสนา ใช้ได้หมด
ทำต่อเนื่อง จนกระทั่งได้เนวสัญญาฯที่เป็นสัมมาสมาธิ
เมื่ออินทรีย์ ๕ กล้า โคตรภูญาณหรือมุดรูจะมีเกิดขึ้น จะมีเกิดขึ้นเอง
วิชชา ๑ มีเกิดขึ้นต่อ
อาหุเนยยสูตรที่ ๑
พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสว่า ดูกรพราหมณ์
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม ฯลฯ
บรรลุจตุตถฌานอยู่
ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส
ปราศจากกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้
ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
เธอย่อมระลึกถึงชาติก่อนๆ ได้เป็นอันมาก ฯลฯ
หลังจากนั้น สภาวะมีเกิดขึ้นต่อ
สภาวะสัญญาก็ไม่ใช่ ปัญญาก็ไม่ใช่ จะผุดขึ้นมา นิพพานดับภพ หรือภพดับเป็นนิพพาน
ความเกิดและความดับ อวิชชา สังขาร วิญญาณ
ความรู้ความเห็นที่มีเกิดขึ้นตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมไว้
เวรภยสูตรที่ ๑
ว่าด้วยภัยเวร ๕ ประการ
[๑๕๗๗] ก็ญายธรรมอันประเสริฐ
อันอริยสาวกนั้นเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา เป็นไฉน
ดูกรคฤหบดี อริยสาวกในธรรมวินัยนี้
ย่อมกระทำไว้ในใจซึ่งปฏิจจสมุปบาทอย่างเดียว
โดยอุบายอันแยบคายเป็นอย่างดีว่า
เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี
เพราะสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้ย่อมเกิด ด้วยประการดังนี้
เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี
เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้ย่อมดับ ด้วยประการดังนี้ คือ
เพราะอวิชชาเป็นปัจจัยจึงมีสังขาร
เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงมีวิญญาณ ฯลฯ
ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการฉะนี้
ก็เพราะอวิชชาดับด้วยการสำรอกโดยหาส่วนเหลือมิได้ สังขารจึงดับ
เพราะสังขารดับวิญญาณจึงดับ …
ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการฉะนี้
ญายธรรมอันประเสริฐนี้ อริยสาวกนั้นเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา.
[๑๕๗๘] ดูกรคฤหบดี
เมื่อใด ภัยเวร ๕ ประการนี้
ของอริยสาวกสงบระงับแล้ว
อริยสาวกประกอบแล้ว
ด้วยโสตาปัตติยังคะ ๔ ประการเหล่านี้
และญายธรรมอันประเสริฐนี้
อันอริยสาวกนั้นเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา
เมื่อนั้น อริยสาวกนั้นหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า
เรามีนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต สิ้นแล้ว
เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา
เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
ความรู้ความเห็นจะเป็นสเตป เป็นขั้นตอน จะรู้ชัดตรงสภาวะนี้ก่อน
นี่เป็นสภาวะของโสดาบันประเภท กายสักขี
ที่ได้เนวสัญญาฯ ที่เป็นสัมมาสมาธิ จนได้มรรคผลตามจริง
ผู้ที่ปฏิบัติมีกำลังสมาธิต่ำกว่านี้ ไม่สามารถจะรู้ได้ แต่สามารถรู้ว่าตนเข้าถึงโสดาปัตติผลตามจริง
ให้ดูสภาวะโคตรภูญาณหรือมุดรู้เป็นหลักของการเข้าถึงโสดาปัตติผลตามจริง
อาทร สาลี 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา (แก้ไขแล้ว)
@วลัยพร walailoo2010 จิตเข้าถึงโคตรภูญาน ผมก็เคยถึงจุดนี้ ครับ ทำถึงแล้วครับ !!!!
แต่ไม่ได้ข้ามไป เพื่อเข้าถึง พระโสดาบัน
การระลึกชาติ ผมก็ทำได้ ครับ .
ผมทำได้ ในขณะใช้วิชา มโนมยิทธิปาฏิหาริย์ ครับ
ในขณะนั้น/// องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ///
ประทับนั่งสมาธิ ลอยบนอากาศ อยู่ด้านหน้าผม
ท่านทรงทราบว่า แรงผมมีไม่พอ จึงทรงเปล่งบารมี รัศมี ๖ ประการ ให้ผมนำจิตของผม แนบลงไป
เมื่อจิตแนบลงไปแล้ว ตึงสามารถระลึกชาติได้ ครับ
+++ ถ้าระลึกชาติไม่ได้ จะเข้าถึงโคตรภูญาน ไม่ได้ ครับ …
เมื่อระลึกชาติได้ และจิตเข้าถึงโคตรภูญานได้ จะเกิดความสลดใจ ในชาติกำเนิด แต่หนหลัง …
ความรู้สึกที่อยากเกิดต่อไป เรื่อย ๆ มันไม่มี
แต่ก็ไม่ได้ข้าม ไปเพื่อ บรรลุ พระโสดาบัน เพราะ แรงไม่พอ
/// องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ///
ทรงเนรมิตภาพ คนทั้ง ๗๐๐,๐๐๐ ที่ผมเคยอบรมสั่งสอน และชวนทำบุญ พาไปพระนิพพาน
ทั้งหมดนี้ ผมเท่านั้นที่สามารถพูดกับเขารู้เรื่อง เพราะผมเป็นคนสอนเขามาตลอด
ท่านได้พูดกับผมว่า “ป๋อ เธอยังไปตอนนี้ไม่ได้ ถ้าพวกเขาไม่ได้เธอ เขาจะไม่สามารถ บรรลุเป็น พระอรหันต์ได้”
“เดี๋ยวเราจักช่วยเธอเอง ไม่ต้องห่วง”
ผมนะไม่ใช่ของปลอม บอกไว้เลยตรงนี้ !!!
อาทร สาลี 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา
@วลัยพร walailoo2010 ผมไม่มีคำว่า มิจฉาสมาธิ หรอกครับ
ผมข้ามคำว่า มิจฉาสมาธิ มาได้หลายชาติแล้วครับ
มิจฉาสมาธิ ทุกชนิด เกิดจาก การหลงในกาย และ หลงในอารมณ์
สัมมาสมาธิ คือ ให้แยกเป็น ๒ ส่วน คือ ลมหายใจ และกาย .
เอาจิตจับเฉพาะลมหายใจเท่านั้น ส่วนร่างกาย ทิ้งไปเลย ทิ้งเลย
ให้หมดความเยื่อใยในกายทั้งหมด
เมื่อไม่ติดในกาย อารมณ์ จึงไม่เกิด …
เพราะอารมณ์เกิดจากร่างกาย เพราะเส้นประสาทอยู่ในกาย
แต่ลมหายใจ เป็นแค่ลม ไม่ใช่เส้นประสาท
อาทร สาลี 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา
@วลัยพร walailoo2010 เหมือนคุณ กำลังจะบอกว่า ผมเป็นมิจฉาสมาธิ อย่างนั้นแหละ
แต่ไม่สามารถโต้แย้งได้ เพราะคุณ ก็ทำยังไม่ถึง ครับ
วลัยพร walailoo2010 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา (แก้ไขแล้ว)
@อาทร สาลี ตรงนี้ คุณพูดเองค่ะ “ผมนะไม่ใช่ของปลอม”
สภาวะตรงนี้
“จิตเข้าถึงโคตรภูญาน ผมก็เคยถึงจุดนี้ ครับ ทำถึงแล้วครับ”
หากคุณไม่อธิบาย ดิฉันจะไม่รู้หรอกตรงกับสภาวะที่มีเกิดขึ้นกับทุกคนด้วยเหรือเปล่า
ให้คุณอธิบายลักษณะสภาวะที่มีเกิดขึ้น ซึ่งโคตรภูญาณจะมีเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
หากสภาวะโคตรภูญาณมี่เกิดขึ้นจริง มีสภาวะนี้มีเกิดขึ้นกับตนแล้ว จะอธิบายได้ค่ะ
ที่สำคัญ โคตรภูญาณ มีเกิดขึ้นจากอินทรีย์ ๕ แก่กล้า
ไม่มีใครจะสามารถบังคับให้มีเกิดขึ้นหรือไม่ให้มีเกิดขึ้น
วลัยพร walailoo2010 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา (แก้ไขแล้ว)
@อาทร สาลี ตรงนี้ คุณพูดเอง “เหมือนคุณ กำลังจะบอกว่า ผมเป็นมิจฉาสมาธิ อย่างนั้นแหละ”
อีกอย่างหนึ่ง หากคุณปฏิบัติได้เนวสัญญาฯที่เป็นสัมมาสมาธิ เวลาได้โสดาปัตติผลตามจริง
โคตรภูญาณมีเกิดขึ้นก่อน
วิชชา ๑ มีเกิดขึ้นต่อ และสภาวะอื่นๆที่ดิฉันเขียนไว้
ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ เป๊ะๆ ไม่มีเคลื่อนไปทางอื่น
ซึ่งเป็นความรู้เห็นเฉพาะผู้ที่ได้เนวสัญญาฯสัมมาสมาธิเท่านั้น
หากมีกำลังต่ำกว่านี้ คือ รูปฌาน อรูปฌาน
จะรู้สภาวะโคตรภูญาณมีเกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว
ความรู้เห็นอื่นๆตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ ไม่มีเกิดขึ้น
ยกตย.ให้ดู หลวงปู่ดุลย์ ท่านเยื้อน ได้ผ่านโคตรภูญาณตามจริง
เพียงแต่ท่านเยื้อนมาตั้งฉายาเฉพาะตนว่า มุดรู ซึ่งก็เป็นสภาวะเดียวกับโคตรภูญาณ
เวลาท่านไปไหน ท่านจะเทศนาเรื่องมุดรู
ที่ท่านไม่มีความรู้เห็นอื่นๆมีเกิดขึ้น เกิดจากท่านปฏิบัติได้อากิญจัญญายตนะ
หากทุกคนที่ปฏิบัติได้เนวสัญญาฯสัมมาสมาธิ หลังโคตรภูญาณมีเกิดขึ้นแล้ว
จะไม่รู้ปริยัติก็ตาม จะรู้สภาวะที่มีเกิดขึ้นด้วยตน แจ่มแจ้ง ความรู้เห็นต่างๆที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้
ดิฉันพูดจากผลของการปฏิบัติ ไม่มีคำว่าของปลอมและของแท้
เพราะเป็นเรื่องของการปฏิบัติและผลของการปฏิบัติของแต่ละคน
น้ํา ชนนิภา 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา
มิจฉาทิฏฐิ
น้ํา ชนนิภา 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา
คุณไม่ฟังคำสอนพระพุทธเจ้า ลาเดินตามฝูงโค คิดว่าตนเป็นโค..
อยากรู้รายละเอียดไปหาอ่านเองเด้อ
วลัยพร walailoo2010 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา (แก้ไขแล้ว)
@น้ํา ชนนิภา คุณพูดกับใคร หากพูดกับดิฉัน
ตรงนี้ “มิจฉาทิฏฐิ”
และตรงนี้ “คุณไม่ฟังคำสอนพระพุทธเจ้า ลาเดินตามฝูงโค คิดว่าตนเป็นโค”
สิ่งที่คุณโพสมา เกิดจากความเชื่อของคุณ
ยวกลาปิสูตร
[๓๕๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ฟ่อนข้าวเหนียวบุคคลกองไว้ในหนทางใหญ่ ๔ แพร่ง
ทีนั้นบุรุษ ๖ คนถือไม้คานมา
บุรุษเหล่านั้นพึงฟาดฟ่อนข้าวเหนียวด้วยไม้คาน ๖ อัน
ฟ่อนข้าวเหนียวนั้น
ถูกบุรุษเหล่านั้นฟาดกระหน่ำอยู่ด้วยไม้คาน ๖ อันอย่างนี้แล
ทีนั้นบุรุษคนที่ ๗ ถือไม้คานมาฟาดฟ่อนข้าวเหนียวนั้นด้วยไม้คานอันที่ ๗ ฟ่อนข้าวเหนียวนั้น
ถูกบุรุษฟาดกระหน่ำอยู่ด้วยไม้คานอันที่ ๗ อย่างนี้แลแม้ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้ว ก็ฉันนั้นแล
ถูกรูปอันเป็นที่พอใจและไม่เป็นที่พอใจกระทบจักษุ ฯลฯ
ถูกธรรมารมณ์อันเป็นที่พอใจและไม่เป็นที่พอใจกระทบใจ
ถ้าว่าปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้วนั้น ย่อมคิดเพื่อเกิดต่อไป
ปุถุชนนั้นเป็นโมฆบุรุษ เป็นผู้ถูกอายตนะกระทบกระหน่ำแล้ว
เหมือนฟ่อนข้าวเหนียวถูกบุรุษฟาดกระหน่ำด้วยไม้คานอันที่ ๗ ฉะนั้นแล ฯ
ใครเล่าเป็นผู้รู้ ไครเล่าเป็นผู้เสวย ก็ผู้เพ่งนั้นแล
เพ่งโลภะเสวยโลภะ เพ่งโทสะเสวยโทสะ เพ่งโมหะเสวยโมหะ
ทางนี้เป็นทางเสื่อม นำไปสู่นรก
ปุถุชนพากันเดินไปทางนี้
เพราะเห็นเป็นของเอร็ดอร่อย
เพราะปัญญาทราม
ไม่ทันกิเลสในใจตน
วลัยพร walailoo2010 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา (แก้ไขแล้ว)
@น้ํา ชนนิภา คุณพูดกับใคร หากพูดกับดิฉัน
บุคคลที่มีมิจฉาทิฏฐิ เกิดจากไม่เคยสดับพระธรรมที่พระอริยะ สัตบุรุษ สัปบุรุษ
ดิฉันเชื่อพระพุทธเจ้า เชื่อพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมไว้
ความเชื่อเกิดจากผลของการปฏิบัติ ซึ่งตรงกับที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้
ส่วนคุณ การรกระทำของคุณที่กระทำลงไปแล้ว กรรมนั้นๆสำเร็จแล้ว
คนที่ได้รับผลก็คือคุณ ที่กระทำออกมา
เมื่อกรรมจัดสรร คุณจะเจอบุคคลที่มากระทำกับคุณ เหมือนที่คุณได้กระทำกับดิฉัน
ทีนี้คุณจะรับมือในผัสสะ เวทนาที่มีเกิดขึ้น นั่นก็เรื่องของคุณ ภพชาติของการเกิดอยู่ตรงนี้
อาทร สาลี
11 ชั่วโมงที่ผ่านมา (แก้ไขแล้ว)
@น้ํา ชนนิภา ผมนะ ระลึกชาติได้ซะด้วยซ้ำ ครับ
ไม่ได้โกหกหรอกครับ คนอย่างผมนะ ถ้าโกหก ขอให้ตกนรกขุมสุดท้ายเลย
ฌาน ๑ – ๔ และเข้าลึกไปมากกว่านั้น
จนถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ ผมก็เข้าถึงได้
แต่ก่อน ผมก็เคยได้ มโนมยิทธิปาฏิหาริย์ สามารถ ถอดอทิสมานกาย
ลงไปนรกขุมล่างสุด และไต่ขึ้นมาจนถึง พระนิพพานและสามารถ
สนทนาธรรมกับ” พระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ” ผมก็ทำได้ครับ …
จิตเข้าถึงโคตรภูญาน ผมก็เคยเข้าถึงมาแล้ว แต่ไม่ได้ก้าวข้ามไป เพื่อเป็นพระโสดาบัน
วิชามโนมยิทธิปาฏิหาริย์ มีฝึกที่ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ครับ .
แต่ผมไม่เคยไปฝึกที่นั่นหรอกครับ ผมทำได้ตั้งแต่เด็ก
ผมนะ ไม่มี /// มิจฉาสมาธิ /// หรอกครับ …
ที่ผมบอกว่า เหมือน……..ผมเป็นมิจฉาสมาธิอย่างนั้นแหละ หมายถึง
คุณคิดว่า ผม เป็นมิจฉาสมาธิ หรือ อย่างไร
ถึงได้ ฟัวผมไม่เข้าใจสักที ไม่ใช่ ………… ผมเป็นมิจฉาสมาธิ !!!!
คนเป็นมิจฉาสมาธิ คือ คนหลงในอารมณ์ แล้ว ออกจากอารมณ์ นั้นไม่ได้ เกิดจาก /// ติดในกาย ///
เมื่อติดในกาย แสดงว่า หลงในความสุข ความทุกข์ ของอารมณ์
แสดงว่า ตัดสินใจไม่ชัดเจนว่าจะไปนิพพาน แน่มั้ย
เอาจริงมั้ย ถ้าไปแล้วจะต้องตายละ จะทำมั้ย .
ถ้าตัดสินใจเด็ดขาดว่า เอาจริง เอาแน่
ไม่กลัว ใจจะเด็ดขาด ตายเป็นตาย ถึงจะสามารถ ทิ้งกายได้เด็ดขาด
จึงจะสามารถ เข้า ฌาน ที่ ๑ ได้ และ สนใจลมหายใจ
อาทร สาลี 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา
@น้ํา ชนนิภา ผมไม่ฟังคำสอน ” พระพุทธเจ้า ” อย่างไร
ผมใช้มโนมยิทธิปาฏิหาริย์ ไปถึง พระนิพพาน
สนทนาธรรม กับ” พระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า “ได้ซะด้วยซ้ำ
คนที่ทำแบบนี้ไม่ได้ จะเถียงข้าง ๆ คู ๆ เถียงแต่ว่า ไม่เคยทำได้
ผมเข้าใจอยู่นะ ว่าพวกคุณ ศรัทธา ในหนังสือ ที่ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ อ่านมา
/// แต่ มันผิดตั้งแต่ ที่ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ สอนว่า ศีล มีแค่ ๑๕๐ สิกขาบท แล้วแหละ
ไม่จำเป็นต้องทำตามทุกคำ ทั้ง ๆ ที่ ศีล มี ๒๒๗ สิกขาบท ///
/// พาสเวิร์ดโทรศัพท์ มี 10 ตัว กดถูก 9 ตัว อีกตัว กดมั่ว ๆ จะเข้าโทรศัพท์ ได้มั้ย
// แล้วถ้า ทุกคนในโลกนี้ทั้งหมด ปฏิบัติศีล แค่ ๑๕๐ สิกขาบท แล้วที่เหลือ ๗๗ สิกขาบทละ //
_ คนเขาก็เห็นว่าไม่สำคัญ เขาก็ ตัดทิ้ง นะสิ ศาสนา ก็สูญหายนะสิ _
// หนังสือที่ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ได้มา คือ หนังสือที่
พระรุ่น ปู่ รุ่นทวด บางท่าน ไม่เห็นความสำคัญ ทุกแผ่นใบลาน
ก็เลย โยนทิ้งบางส่วน หนังสือ ก็เลย ไม่สมบูรณ์ //
แต่มาสมัยนี้ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ กลับไปเจริญรอยตาม พระพวกนั้น
ตัด พระธรรมวินัยทิ้ง อีก /// เวรกรรม บาปกรรมแท้ ๆ
วันเวลามีค่าเสมอ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา
คนที่ปฏิบัติธรรมก็ปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ตามพระพุทธเจ้า.
ไม่จำเป็นต้องมาบอกมาว่ากันว่าปฏิบัตินามตำรา ไม่ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า.
แต่ก่อนไม่มีใครมาอ้างมาตำหนิกันกันโดยอาศัยเอาพระพุทธเจ้ามาอ้าง. และเอามาเป็นโลโก้ของตน.
แล้วคำว่ารู้เองเห็นเอง. รู้ได้เฉพาะตนจะมาจากใหน
วลัยพร walailoo2010 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา (แก้ไขแล้ว)
@วันเวลามีค่าเสมอ คุณพูดกับใคร หรือว่าพูดกับดิฉัน
หากพูดกับดิฉัน
ตรงนี้ “ไม่จำเป็นต้องมาบอกมาว่ากันว่าปฏิบัตินามตำรา ไม่ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า”
สิ่งที่คุณนำมาแสดงความคิดเห็น ถือว่าคุณไม่ได้พูดกับดิฉัน
เพราะกว่าดิฉันรู้เห็น ล้วนเกิดจากปฏิบัติตามลำดับ ซึ่งตรงกับที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้
ผลที่ได้รับ ตรงกับที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมหรือพระสูตร แบบเป๊ะๆ
โดยไม่ต้องมีความอยากอะไรทั้งสิ้น
แค่ปฏิบัติตาม ทำต่อเนื่อง เมื่อเห็นความเกิดและความดับในรูปฌาน อรูปฌาน นิโรธ
ตัวสภาวะอื่นๆจะดำเนินโดยตัวสภาวะเอง ไม่ต้องทำอะไร
อาศัยความเพียรหนัก ไม่นอน หลังไม่แตะพื้น ไม่คลุกคลี
แรกปฏิบัติจะเป็นแบบนั้น ไม่ยุ่งกับใครๆ ปฏิบัติอย่างเดียว
ถ้าไม่เชื่อ ไปอ่านพระสูตรที่พระสารีบุตรบอกกับพระภิกษุ ๕. อนุตัปปิยสูตร
ตรงนี้” แล้วคำว่ารู้เองเห็นเอง. รู้ได้เฉพาะตนจะมาจากใหน”
มารู้จากผลของการปฏิบัติ
เช่น เห็นความเกิดและดับผัสสะ ที่มีเกิดขึ้นขณะดำเนินชีวิต
เห็นความเกิดและความดับของรูปนาม ที่มีเกิดขึ้นขณะเดินจงกรม
เห็นความเกิดและความดับ ขณะจิตเป็นสมาธิในรูปฌาน อรูปฌาน นิโรธ
ผู้ที่เห็น ประจักษ์ด้วยสภาวะมีเกิดขึ้นตน จะเรียกว่า ปัจจัตตัง
เวลาอธิบายให้คนที่ปฏิบัติ หากสภาวะนั้นๆยังไม่มีเกิดขึ้นกับคนนั้น เขาฟังแล้ว ย่อมไม่เข้าใจ
หากบุคคลนั้นปฏิบัติ ได้เห็นประจักษ์แจ้งด้วยตน
พออธิบายให้ฟัง เขาจะร้องอ๋อ อ้อ มีคำเรียกด้วย
รวมทั้งการได้มรรคผลตามจริง การที่ผู้ฟังจะเข้าใจ ต้องเจอสภาวะที่มีเกิดขึ้นกับตน
จะรู้ว่าสภาวะนี้ปราศจากตัวตนมาเกี่ยวข้องกับสภาวะที่มีเกิดขึ้น ไม่มีการเข้า การออก บังคับไม่ได้
เมื่ออินทรีย์ ๕ แก่กล้า สภาวะนั้นๆจะปรากฏขึ้นเอง
การที่จะรู้ว่าสิ่งที่ตนรู้เห็นนั้น ในพระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมไว้
ซึ่งต้องมีอย่างแน่นอน ไม่งั้นจะสามารถพูดได้เต็มปากล่ะ
ส่วนตรงนี้
“แต่ก่อนไม่มีใครมาอ้างมาตำหนิกันกันโดยอาศัยเอาพระพุทธเจ้ามาอ้าง”
สำหรับผู้ที่ปฏิบัติเหมือนๆกัน จะพูดเรื่องสภาวะที่มีเกิดขึ้น ไม่ได้นำมาตำหนิติเตียน
เพราะผู้ปฏิบัติ รุ้แค่ไหน ย่อมพูดได้แค่นั้น
เช่น การเห็นความเกิดและความดับในรูปฌาน อรูปฌาน นิโรธ
คนที่มีสภาวะมีเกิดขึ้นในตนแล้ว จะสามารถอธิบายได้
สำหรับบางคนที่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า
อย่าไปตำหนิเขา ทุกคนเริ่มจากความไม่รู้มีเกิดขึ้นก่อน
เมื่อได้มรรคผลตามจริง ความศรัทธาจึงจะมีเกิดขึ้น เชื่อพระพุทธเจ้าไม่ต้องมีใครมาบอกให้เชื่อ
เพราะพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ สามารถพิสูจน์ได้
ทุกๆพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสไว้ จะเหมือนแผนที่
หากดำเนินนอกเส้นทาง ล้วนเกิดจากการกระทำของตน
วลัยพร walailoo2010 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา (แก้ไขแล้ว)
@อาทร สาลี นิพพาน ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้คือ ดับตัณหา ๓
อุทยปัญหาที่ ๑๓
[๔๓๗] อุทยมาณพทูลถามปัญหาว่าข้าพระองค์มีความต้องการปัญหา
จึงมาเฝ้าพระองค์ผู้เพ่งฌานปราศจากธุลี
ทรงนั่งโดยปรกติ ทรงทำกิจเสร็จแล้ว
ไม่มีอาสวะ ทรงถึงฝั่งแห่งธรรมทั้งปวง
ขอพระองค์จงตรัสบอกธรรมอันเป็นเครื่องพ้น
ที่ควรรู้ทั่วถึง สำหรับทำลายอวิชชาเถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า ดูกรอุทยะ
เรากล่าวธรรมเป็นเครื่องละความพอใจในกาม และโทมนัสทั้งสองอย่าง
เป็นเครื่องบรรเทาความง่วงเหงา
เป็นเครื่องห้ามความรำคาญ
บริสุทธิ์ดีเพราะอุเบกขาและสติ
มีความตรึกถึงธรรมแล่นไปในเบื้องหน้า
ว่าเป็นธรรมเครื่องพ้นที่ควรรู้ทั่วถึงสำหรับทำลายอวิชชา ฯ
อุ.โลกมีธรรมอะไรประกอบไว้
ธรรมชาติอะไรเป็นเครื่องพิจารณา (เป็นเครื่องสัญจร) ของโลกนั้น
เพราะละธรรมอะไรได้เด็ดขาด ท่านจึงกล่าวว่า นิพพาน ฯ
พ. โลกมีความเพลิดเพลินประกอบไว้
ความตรึกไปต่างๆ เป็นเครื่องพิจารณา (เป็นเครื่องสัญจร) ของโลกนั้น
เพราะละตัณหาได้เด็ดขาด ท่านจึงกล่าวว่า นิพพาน ฯ
อุ. เมื่อบุคคลระลึกอย่างไรเที่ยวไปอยู่ วิญญาณจึงจะดับ
ข้าพระองค์ทั้งหลายมาเฝ้าเพื่อทูลถามพระองค์
ข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอฟังพระดำรัสของพระองค์ ฯ
พ. เมื่อบุคคลไม่เพลิดเพลินเวทนา ทั้งภายในและภายนอก
ระลึกอย่างนี้เที่ยวไปอยู่ วิญญาณจึงจะดับ ฯ