30 ตค.
ความรู้สึกเหมือนกำลังทำวิทยานิพนธ์
เรื่อง รู้กายใจด้วยสมถะและวิปัสสนา
เกี่ยวกับกายและจิต ในภาวะปกติและขณะเจ็บป่วย
การรับมือกับสภาวะต่างๆที่มีเกิดขึ้น แบ่งออกเป็น 4
การทำความเพียร เจริญสมถะและวิปัสสนา ให้เป็นกรณีศึกษา
การดำเนินชีวิต ขณะที่มีชีวิตอยู่ ให้เป็นกรณีศึกษา
ชีวิตตอนเจ็บป่วย ให้เป็นกรณีศึกษา
ลมหายใจเฮือกสุดท้าย ให้เป็นกรณีศึกษา
1 พย.61
กราบขอบพระคุณ คุณหมอ สมศักดิ์ เอกปรัชญากุล รพ.รามคำแหง
และคุณหมอชนกพร เปี่ยมพริ้ง รพ.จุฬาภรณ์
คุณหมอสมศักดิ์ ให้การรักษาตั้งแต่แรก จนกระทั่งค่าใช้จ่ายรับมือไม่ไหว ทำให้หาทางเลือกใหม่ โดยการเสริชกูเกิ้ล เจอรพ.จุฬาภรณ์ หรือศูนย์วิจัยจุฬาภรณ์ จึงไปลองติดต่อดู พร้อมกับบอกเหตุผลว่า ที่ไม่รักษาที่รพ.รามต่อเพราะอะไร และบอกอีกว่า แนวทางการรักษาขั้นต่อไป คุณหมอได้บอกไว้แล้วว่า จะต้องตรวจอะไรเพิ่ม และทำอะไรต่อ
.
พอไปถึงรพ.จุฬาภรณ์ สิ่งแรกที่ประทับใจ ห้องน้ำสะอาด แอร์เย็นฉ่ำ โดยเฉพาะที่ศูนย์หัวใจ แอร์เย็นมาก จนท.ให้บริการดีมาก แล้วได้คุณหมอชนกพร เปี่ยมพริ้ง เป็นแพทย์ประจำตัว
ตอนที่เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คุณหมอฟัง
คุณหมอถามว่า มีประกันมั๊ย มีสิทธิพิเศษอะไรมั๊ย
เราบอกว่า มีบัตรทองของแพทย์ปัญญา ซึ่งจนท.แนะนำว่า สามารถให้ทางรพ.แพทย์ปัญญาส่งตัวมารักษาได้
แต่แล้วต้องผิดหวัง พอไปสอบถามข้อมูล
ปรากฏว่า รพ.แพทย์ปัญญา ได้ถอนตัวจากคลีนิคที่ใช้บริการอยู่ ตอนนี้ขึ้นกับรพ.พระมงกุฏ
ได้โทรฯติดต่อกับจนท.ศูนย์หัวใจรพ.พระมงกุฏ ซึ่งบอกว่า ที่พระมงกุฏ ก็มีศูนย์หัวใจ จึงไม่สามารถออกใบส่งตัวให้ได้
พอนัดเจอครั้งต่อมา ได้บอกกับคุณหมอชนกพรว่า
ต้องการรักษากับคุณหมอต่อ ไม่อยากเปลี่ยนหมออีก
คุณหมอชี้แจงคร่าวๆว่า ต้องทำอะไรบ้าง
แล้วให้พยาบาล ไปสอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายมาให้
สรุป ค่าใช้จ่ายประมาณหนึ่งหมื่นบาท
คุณหมอถามว่า พอจะไหวมั๊ย
เราบอกว่า ไหวค่ะ
คุณหมอจึงนัดวันตรวจ และต้องนอนรพ. 1 คืน
.
การรักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจเต้นระริก(AF) หรือหัวใจเต้นพริ้ว การช๊อตไฟฟ้าที่หัวใจ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการรักษา
หมอจะนัดล่วงหน้า นอนรพ. 1 คืน
พร้อมทั้งบอกการเตรียมตัวล่วงหน้า
เช่นงดน้ำงดอาหารตั้งแต่กี่โมง
.
วิธีการช๊อตไฟฟ้า
ขั้นแรก ให้กลืนกล้อง ผ่านหลอดอาหาร
เพื่อตรวจดูหัวใจว่า มีลิ่มเลือดออกหรือเปล่า
หากมี จะไม่สามารถทำการช๊อตได้
หากไม่มี ก็สามารถช๊อตได้
การช๊อต วัตถุประสงค์เพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นปกติ
.
หลังจากส่องกล้องดูหัวใจแล้ว
ก่อนช๊อตไฟฟ้า หมอจะให้ยานอนหลับ
แล้วให้ยาลดการเต้นของหัวใจ รอจังหวะที่ช่วงหัวใจหยุดเต้น
หมอจึงใช้เครื่องช๊อตที่หัวใจในตอนนั้น
เครื่องสำหรับช๊อต
ก็เครื่องที่ใช้ซ๊อตช่วยชีวิตในกรณีที่ผู้ป่วยหัวใจวาย
.
การรักษาด้วยการช๊อต เป็นสเต็ปแรก
คือ ใช้เครื่องปั๊มหัวใจ แบบที่เคยเห็นในหนัง
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมทั้งนอนรพ. ประมาณหนึ่งหมื่นบาท
ถ้าไม่หาย หมอจึงจะใช้วิธีที่ 2 เรียกว่า จี้ไฟฟ้า
วิธีการทำก็คนละอย่าง ราคาตรงนี้ไม่รู้นะ แบบไม่ได้ถามจนท.
.
หลังช๊อตไฟฟ้า
ระหว่างอยู่รพ. จะมีเครื่องกระตุ้นหัวใจติดตัว
ตรวจจังหวะหรือกระตุ้นก็ไม่รู้นะ เห็นคนไข้มีติดตัวทุกคน
มีใส่เข็มให้น้ำเกลือแบบลอยๆไว้
ถ้าไม่มีน้ำเกลือ ก็ใส่ไว้แบบนั้น ถึงเวลากลับบ้าน
พยาบาลจะถอดหัวเข็มออกให้
.
แนวทางการรักษา อ่านเจอมาเยอะมากว่ารักษาแล้วไม่ได้ผล
สิ่งที่สำคัญมาก หวังพึ่งหมอฝ่ายเดียวไม่ได้
ตัวเราเองต้องจดบันทึกทุกอย่างเกี่ยวกับอาการทางกายและใจ และพฤติกรรมการบริโภคส่วนตัว เช่น กรณที่เป็นไทรอยด์ด้วย อาจมีนน.ตัวขึ้น หรือนน.ลดลงมากผิดปกติ รักษาไปมากลับกลายเป็นอ้วนฉุ
.
เมื่อกลับมาอยู่บ้าน
1. ควรมีเครื่องวัดความดันติดบ้านไว้
เพราะต้องตรวจวัดความดัน และดูการเต้นของหัวใจตลอด
2. ตั้งแต่เริ่มกินยา กินแล้วมีอาการอย่างไร
3. ควรมีสมุดจดบันทึกอาการทั้งหมด เวลาไปหาหมอ หมอจะได้รู้รายละเอียดทั้งหมด ช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
4. อาหารเสริมทุกชนิด ให้งด เพราะอาหารเสริมบางชนิดส่งผลกระทบต่อการเต้นของหัวใจ ยาที่หมอใช้รักษาจึงไม่ได้ผล หรือเห็นผลไม่ชัดเจน
5. ยาสมุนไพรทุกชนิดให้งด เช่นเดียวกับอาหารเสริม
6. เวลาหมอถามว่า มีอาการใจสั่นมั๊ย
อาการใจสั่นหมายถึง รับรู้ได้ถึงการเต้นของหัวใจ โดยไม่ต้องใช้หูฟัง จะรู้ชัดขึ้นมาเอง บางครั้งรัวเหมือนปืนกล บางครั้งเต้นช้า ตุ้บหนึ่งแล้วหายไปนาน เต้นไม่สม่ำเสมอ บางคืนไม่หลับไม่นอนเพราะได้ยินเสียงหัวใจเต้นทั้งคืน บางครั้งส่งแรงสะเทือนไปทั้งตัว บางคนมีเรียกว่า จิตตื่น ระวังให้ดีนะ จิตตื่น แต่ร่างกายไม่ตื่น กายส่งสัญญาณว่า กำลังป่วยแล้วนะ
.
เรื่องอาหารเสริม ปกติจะกินแคลแม็กดี เพื่อให้แคลเซี่มกับร่างกาย กินวิตมินซีสะกัดจากผลอะเซเรอร่าเชอร์รี่ กินเลซิติน มีกินสามตัวนี้แหละ ที่งดเอง โดยดูจากค่าของความดัน และการเต้นของหัวใจ พอหยุดสามตัวนี้ ความดันและหัวใจกลับมาเต้นจังหวะปกติ ผลการตรวจหัวใจด้วยคลื่นไฟฟ้า ออกมาดี ไม่มีลักษณะของหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ
ส่วนโปรตีนที่ผสมกับน้ำผลไม้ ตัวนี้ไม่มีผลกระทบกับยา
.
ตอนที่หมออ่านสมุดรายงานเกี่ยวกับอาการทั้งหมด ที่เราจดบันทึกทุกวัน หมอบอกว่า เราสองคนคุยกันได้นะเนี่ย
คือเราไม่ได้บอกกับหมอว่า เคยประกอบวิชาชีพใดมาก่อน
เราอาศัยพื้นฐานด้านการรักษาหรือความรู้ พร้อมทั้งประสพการณ์ที่ผ่านมาจากการดูแลคนไข้ มาใช้กับตัวเอง
ประกอบกับได้แนวทางมาจากการทำกรรมฐานของตัวเอง การจดบันทึกรายละเอียดของสภาวะต่างๆที่มีเกิดขึ้น ทำให้เกิดความเคยชินที่จะทำแบบนี้ โดยที่หมอไมไ่ด้แนะนำให้ทำ
.
แล้วก็มีข่าวดี หมอบอกว่า ตอนนี้หัวใจเรากลับมาเต้นปกติ
แต่ยังต้องกินยาเพื่อปรับระดับการเต้นของหัวใจไปก่อน
หมอนัดอีกที วันที่ 29 พย.’61 หมอบอกว่า ต่อไปไม่ต้องทำ EKG หมอใช้หูฟังเพียงอย่างเดียวได้
ที่ว่าข่าวดีก็คือ หมอบอกว่า ถ้าเราสามารถจัดการเรื่องยาและการเต้นของหัวใจด้วยตนเองได้ หมอาจจะให้งดยา ไม่ต้องกินยาอีกต่อไป ถ้าเกิดเป็นอีก ให้กินยาหัวใจที่หมอให้มา กินทีเดียว 2 เม็ด การเต้นของหัวใจจะกลับมาปกติเอง