คนส่วนมาก พอบอกว่าปฏิบัติแนวเจริญสติ จะต้องถามต่อว่าแบบหลวงพ่อองค์ไหน หรือแบบไหน พุทธโธ พองหนอ ยุบหนอฯลฯ อันนี้เป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องถามกันแบบนี้
เพราะคำว่าเจริญสติ ถูกให้ค่าไว้ว่า จะต้องมีรูปแบบนั้นนี้เป็นหลัก
ซึ่งตัวสภาวะของการเจริญสติที่แท้จริง ไม่มีรูปแบบตายตัว เข้ากฏของไตรลักษณ์ ไปยึดมั่นถือมั่นอะไรไม่ได้
จะตอบว่า แนวเดียวหรือแบบเดียวกับพระพุทธเจ้า แบบที่ครูบาอาจารย์หลายๆท่านนำมาพูดๆกัน ก็คงตอบแบบนั้นไม่ได้
เพราะพุทธเจ้าก็คือพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงมีกิเลสในแบบของพระองค์ ตามเหตุที่พระองค์ทรงกระทำมา พระองค์จึงทรงปฏิบัติตามสภาวะกิเลสของพระองค์เอง
เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ทรงพระสัพพัญญู รู้ว่าคนไหนควรปฏิบัติแบบไหน ให้เหมาะกับกิเลสของคนๆนั้น พระองค์จึงทรงถ่ายทอดวิธีการหลักๆไว้เพียงกรรมฐาน ๔๐ กอง ซึ่งจริงๆแล้ว รูปแบบมีมากกว่านั้น
กิเลสมีหลากหลายรูปแบบ การเจริญสติจึงไม่มีรูปแบบตายตัวเพราะเหตุนี้
แต่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามสภาวะของผู้ปฏิบัติเอง โดยรู้อยู่ในกายและจิตเนืองๆ มีสติ สัมปชัญญะและสมาธิเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติจิตภาวนา
สาเหตุที่แนวทางการเริ่มต้นของแต่ละคนนั้น มีจุดเริ่มต้นอาจจะหลากหลาย ล้วนเกิดจากเหตุที่ทำมาหรือสร้างเหตุขึ้นมาด้วยตัวเองทั้งสิ้น ผลที่ได้รับจึงมาแสดงให้เห็น แต่จุดสุดท้ายของทุกๆคนคือ เส้นทางของการเจริญสติ
เพราะเหตุของการเจริญสติ ผลที่ได้รับ คือ เป็นเหตุของการเกิดสัมปชัญญะ
ที่ใดมี สติ + สัมปชัญญะ ทำงานร่วมกันหรือเกิดขึ้นคู่กัน ที่นั้นย่อมมี สมาธิเกิดขึ้น
คือ เมื่อมีการเอาจิตจดจ่อรู้อยู่กับการกระทำในกิจนั้นๆอยู่ ขณะนั้นย่อมมีสมาธิเกิดขึ้นเนืองๆ
สภาวะหรือลักษณะอาการที่เกิดขึ้น คือ ความรู้ชัดในสิ่งที่เกิดขึ้น หรือรู้ชัดในสิ่งที่เกิดขึ้น คือ สภาวะของ สัมมาสติ
ถ้ามีทั้ง สติ + สัมปชัญญะ + สมาธิ
เมื่อใดก็ตามที่มีสภาวะของสติ สัมปชัญญะและสมาธิ ทำงานร่วมกันหรือเกิดร่วมกัน
สภาวะหรือลักษณะอาการที่เกิดขึ้น คือ ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ในสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ คือ สภาวะของ สัมมาสมาธิ
การเกิดทั้งสติและสัมปชัญญะ ทำงานร่วมกัน เป็นเหตุของสภาวะสัมมาสติ สัมมาสมาธิและสัมมาทิฏฐิ
การเกิดสัมมาสติ เป็นเหตุของการเกิด สัมมาสมาธิ
การเกิดสัมมาสมาธิ เป็นเหตุของ การเห็นตามความเป็นจริง
การเห็นตามความเป็นจริง เป็นเหตุของสัมมาทิฏฐิ
เหตุของสัมมาทิฏฐิ เป็นเหตุของมรรคมีองค์ ๘ ทั้งหมด
สัมมาทิฏฐิคืออะไร?
คือ ความเห็นชอบ
ความเห็นชอบคืออะไร?
คือเห็นตามความเป็นจริง
การเห็นตามความเป็นจริง คืออะไร?
เห็นตามความเป็นจริงที่มีอยู่จริงของทุกๆสรรพสิ่ง โดยสภาวะที่มีอยู่จริง
ไม่ใช่เกิดจากความคิดที่มีเราหรือตัวตนของเราเข้าไปเกี่ยวข้องในสภาวะนั้นๆแต่อย่างใด
การเห็นตามความเป็นจริงได้ เหตุเกิดจากอะไร?
เกิดจากสติ สัมปชัญญะและสมาธิทำงานร่วมกัน ( สัมมาสมาธิ )
จะเห็นเหตุของการเกิดสติ สัมปชัญญะและสมาธิทำงานร่วมกันได้นั้น ต้องทำอย่างไร?
ต้องเจริญสติ
เจริญสติแล้วได้อะไร?
ได้สัมมาสมติ
สัมมาสติเป็นเหตุของอะไร?
เป็นเหตุของสัมมาสมาธิ
สัมมาทิฎฐิ ความเห็นชอบ
ลักษณะอาการหรือสภาวะที่เกิดขึ้น
ความเห็นชอบ คือ ความเห็นที่เห็นตามความเป็นจริง โดยไม่มีตัวเราเข้าไปในการตัดสินในสิ่งที่เห็นนั้นๆ
ซึ่งเป็นเหตุให้จะไม่มีคำว่าถูกหรือผิดในความเห็นนั้นๆ
การที่มีความเห็นว่า สิ่งนั้นถูกหรือผิด ล้วนเกิดจากความเห็นที่มีเราหรือตัวตนของเราเข้าไปตัดสินแทนสภาวะที่เกิดขึ้น
แต่ไม่ใช่ตามความเป็นจริงของสภาวะที่เกิดขึ้นณขณะนั้นๆแต่อย่างใด นั่นหมายถึง ตราบใดที่ความเห็นนั้นๆมีคำว่าถูกหรือผิด ย่อมไม่ใช่สภาวะของสัมมาทิฏฐิแต่อย่างใดเลย
เหตุของการเกิดสัมมาทิฏฐิ
การเกิดสภาวะของสัมมาทิฏฐิ จะเกิดขึ้นได้ เมื่อมีการเห็นตามความเป็นจริงเท่านั้น
การเห็นตามความเป็นจริงนั้นมีลักษณะหรืออาการที่เกิดขึ้นอย่างไร?
การเห็นตามความเป็นจริง คือ การเห็นว่า ทุกสรรพสิ่งล้วนแปรปรวนตลอดเวลา ไม่มีอะไรที่เที่ยงแท้แน่นอน แล้วจะไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่มากระทบได้อย่างไร
สภาวะเกิดแล้วก็ดับ ตามเหตุและผลของตัวสภาวะนั้นๆ
สิ่งต่างๆที่มีอยู่จริง เกิดขึ้นจริงๆ ถึงแม้ว่าจะไม่มีเรา สิ่งเหล่านั้นย่อมเกิดขึ้นอยู่แล้ว มันมีและมันเป็นของมันแบบนั้นอยู่แล้วชั่วนิรันดร์ ไม่ว่าจะมีเราหรือไม่มีก็ตาม
เมื่อเห็นได้ดังนี้แล้ว ย่อมไม่เอาตัวเราที่ยังมีอยู่ลงไปตัดสินแทนสภาวะที่เกิดขึ้นณขณะนั้นๆว่าสภาวะนั้นๆหรือสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นๆถูกหรือผิด
จะไปบอกว่าถูกหรือผิดได้อย่างไร ในเมื่อมันแปรปรวนตลอดเวลา ไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน แล้วจะไปยึดมั่นถือมั่นได้อย่างไร เพราะเหตุนี้จึงไม่มีการไปให้ค่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าสิ่งนั้นถูก สิ่งนั้นผิด
จะเห็นแต่เหตุและผลว่า สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นเรื่องธรรมดา ตามเหตุปัจจัยที่มีต่อกัน
แต่เพราะความไม่รู้ที่ยังมีอยู่ จึงเอาตัวเรา ตัวตนของเราที่ยังมีอยู่ ลงไปตัดสิน โดยให้ค่าต่อสิ่งที่เกิดขึ้นตามกิเลสและเหตุที่มีกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ผลคือ เหตุยืดยาวออกไป ย่อมดับลงไปไม่ได้ ยืดยาวเพราะตัวตัณหาอุปทาน ความทะยานอยากที่มีอยู่ จึงทำให้เกิดการปรุงแต่งตลอดเวลา
เหตุของการเกิดการเห็นตามความเป็นจริง
สภาวะของการเห็นตามความเป็นจริง จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีสัมมาสมาธิเท่านั้น