แปลกๆ

เมื่อคืน ขณะที่นั่งดูข่าวต่างๆ ทางเน็ตอยู่ มีอยู่ช่วง จะยกมือขึ้นบนโต๊ะ หลังมือฟาดขอบโต๊ะอย่างแรง

ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือ รู้สึกถึงความเป็นสมาธิของจิต มีสภาวะที่เกิดขึ้น ขณะนั้น รู้สึกถึงความสงบที่เกิดขึ้น รู้ว่าหลังมือเจ็บ รู้ว่าเจ็บ แต่จิตไม่ได้รู้สึกคล้อยตามความรู้สึกที่เกิดขึ้น คือ รู้แค่ว่าเจ็บ แต่ใจไม่เจ็บตาม

อธิบายยากนะตรงนี้ คือ รู้ว่า หลังมือที่โดนขอบโต๊ะกระแทกเข้าเต็มแรง รู้ว่า เจ็บที่หลังมือ แต่ใจไม่เจ็บไปด้วย ภาษาปริยัติ เรียกว่า แยกรูป แยกนาม ออกจากกัน เป็นคนละส่วน ขณะนั้นๆ มีสมาธิเกิดอยู่ มีความสงบภายในเกิดขึ้น ก็รู้อยู่

สภาวะไม่แตกต่างกับ เวลาที่นั่งสมาธิอยู่ จิตเป็นสมาธิ ก็รู้อยู่ เวทนาเกิดขึ้นที่ขาก็รู้อยู่ รู้ทีละขณะๆๆๆ รู้ตั้งแต่เริ่มปวด กำลังปวด จนกระทั่ง อาการที่ปวดอยู่ ดับหายไปเอง

หรือมีบางครั้ง จะรู้สึกซ่าๆ ตรงที่ปวด จนกระทั่ง ดับหายไปเอง คือ ขาปวด จิตไม่ปวดตาม มันแค่รู้ว่า มีเวทนาเกิดขึ้นที่กายเท่านั้นเอง

 

 

ยารักษาจิต

สภาวะในช่วงนี้ขณะที่เดินหรือการรู้ในอิริยาบทย่อยแม้กระทั่งขณะที่กำลังนั่งอยู่ สามารถรู้อยู่ในรูป,นามได้ดี รู้สึกตัวได้อย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งในการใช้ชีวิตในการทำงานหรือชีวิตโดยทั่วๆไป รู้อยู่ในกายได้ชัดมากขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งมีบางสภาวะเกิดขึ้นในจิต สมาธิจะเกิดขึ้นตามประกบทันที สภาวะนั้นจะดับหายไป มันช่างน่าอัศจรรย์เสียจริงๆ

แล้วในช่วงระหว่างเดินทางกลับบ้าน ขณะที่นั่งอยู่ในรถรับส่ง จิตรู้อยู่ในกายมากขึ้นเรื่อยๆ สมาธิเกิดตลอด มีหลายๆสภาวะ หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น เราเริ่มดูทันและรู้ทันมากขึ้นเรื่อยๆ มันจะแยกออกจากกันเป็นส่วนๆ เหมือนเป็นนักวิจัยไปเลย

วันนี้ทั้งวันปฏิบัติได้ดีทั้งวัน รู้ชัดในกายได้ต่อเนื่อง สมาธิแนบแน่นดีตลอด ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกอย่างไม่เที่ยงหรอก กฏข้อนี้เรารู้ดี จึงไม่ได้ยึดติดในสภาวะที่เกิดขึ้นในแต่ละขณะนั้นๆ มันแค่รู้ จะไปเอาอะไรกับสภาวะ โดนทดสอบตลอดเวลา

เรื่องการให้ค่ายังคงมีอยู่ แต่หายไปไวมากขึ้น เพราะพอเริ่มรู้ทันความคิดว่ากำลังให้ค่าแล้วนะ ความคิดที่ให้ค่าต่อสิ่งที่มากระทบหรือความรู้สึกนั้นๆจะค่อยๆหายไปเอง โดยที่ไม่ต้องไปกำหนดอะไรเลย เพียงรู้เท่าทันในสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง

การรู้อยู่ในกาย หรือที่เรียกว่า รู้อยู่ในรูป,นาม เปรียบเสมือนยารักษาจิตชั้นดี เพราะจิตไม่ไปซัดส่ายนอกกาย ไม่ไหลไปหาทั้งอดีตและอนาคต เหตุใหม่ที่จะเกิดขึ้นย่อมไม่มี ตอนนี้จึงมีแต่เหตุดีๆเกิดขึ้นในชีวิตมากมาย เราจึงมีแต่จะให้และก็ให้ผู้อื่นตลอดเวลา

วันก่อนให้หมูหยองไป วันนี้กลับได้หมูหยองกลับคืนมา แปลกดีไหมล่ะ? ให้อะไรไป ได้สิ่งนั้นกลับคืนมา ทั้งๆที่ในการให้แต่ละครั้งของเรานั้นไม่ได้ให้แบบหวังผลใดๆเลย

เครื่องมือที่จะตั้งรับมือกับกิเลสได้ดีที่สุดคือ การรู้อยู่กับรูป,นาม เพราะนับวันสภาวะของกิเลสจะเจอแต่ตัวความพอใจ หรือที่เรีกว่าตัวกามราคะ น้อยนักที่จะเจอตัวปฏิฆะ เพราะตัวปฏิฆะย่อมละได้ง่าย เมื่อเข้าใจถึงเหตุที่ทำและผลที่ได้รับแบบชัดเจน

ส่วนตัวกามราคะหรือความยินดี ความพอใจนั้น จะเจอแบบหยาบๆก่อน พอมาเจอสภาวะที่ละเอียด เป็นรูปที่ละเอียด คือเกี่ยวกับความรู้สึก ไม่ใช่รูปแบบหยาบๆที่มองเห็นได้ จะเเป็นสภาวะที่เจอบททดสอบที่ยากมากขึ้นเรื่อยๆ การรู้อยู่กับรูป,นามได้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ

สภาวะที่แสนชอบ

ชอบมากๆเลยนะสภาวะนี้
” การรู้อยู่กับรูป,นาม ” หรือเรียกง่ายๆว่า ” สภาวะของจิตรู้อยู่ในกาย ”

ช่วงนี้เกิดสภาวะนี้บ่อยมากๆ เราดูจิตตัวเองมาตลอด บอกตามตรงว่าชอบสภาวะนี้มากๆ เวลาที่จิตรู้อยู่ในกายได้อย่างต่อเนื่อง กำลังของสมาธิจะแนบแน่นมากๆ บางครั้งเกิดสภาวะสุข สุขมากๆบรรยายไม่ถูก รู้แต่ว่ามันสุข แต่เหนือคำบรรยายใดๆ

บางครั้งสภาวะสุขไม่มี แต่สภาวะที่รู้อยู่ในกายได้ต่อเนื่อง ยังไงๆก็ยากที่จะบรรยายได้ มันแค่รู้ถึงกำลังของสมาธิที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนบแน่น ขณะที่อยู่ในสภาวะนี้ แล้วมีเหตุให้คนเข้ามาหาเราในระหว่างนั้น ถ้าเป็นเมื่อโกรธจิตจะมีกระเพื่อม มีแว่บนะ ส่งออกนอก แต่ตอนนี้ไม่ จิตมันจะแค่รู้ แต่ไม่ไปกระเพื่อมไปทางชอบหรือชังแต่อย่างใดเลย

นับวันสัมผัสความเป็นอิสระทางจิตมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำตามความเป็นจริง ยอมรับตามความเป็นจริง ยิ่งพบความอิสระมากขึ้นเท่านั้น จิตมีแต่คิดจะให้และมุ่งแต่สลัดออกเพียงอย่างเดียว จะไปเอาอะไรอีกล่ะกับโลกใบนี้ เพราะมันไม่มีอะไรเลย มันมีแต่เหตุแล้วก็เหตุ สุดท้ายก็ผลและก็ผล แล้วจะไปเอาอะไรกับทั้งเหตุและผลกันล่ะ เราแค่ดู แค่รู้ แค่ยอมรับตามความเป็นจริง แล้วจะเอาทั้งเหตุและผลมาจากไหนอีก ไม่มีอีกแล้ว

พฤษภาคม 2024
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031  

คลังเก็บ