[๙๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุจะพึงหวังว่า
เราพึงทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติอันหาอาสวะมิได้
เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่เถิด ดังนี้
ภิกษุนั้นพึงเป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล
หมั่นประกอบธรรมเครื่องระงับจิตของตน
ไม่ทำฌานให้เหินห่าง
ประกอบด้วยวิปัสสนา
พอกพูนสุญญาคาร.
ภิกษุนั้นพึงเป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล
หมายเหตุ;
หมายถึง การหยุดสร้างเหตุนอกตัว
เมื่อมีผัสสะเกิดขึ้น(สิ่งที่มีเกิดขึ้นในชีวิต)
สิ่งที่เกิดขึ้น(ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)
มีผลกระทบทางใจ
ทำให้เกิดความรู้สึกนึกคิด
เป็นเรื่องของ กรรมเก่า(การกระทำที่เคยกระทำไว้ในอดีต)
ส่งมาให้รับผล ในรูปแบบของสิ่งที่มีเกิดขึ้นในชีวิต
(วิบากกรรม /เวทนา ที่มีเกิดขึ้น)
ให้โยนิโสมนสิการ(กำหนดรู้)
ไม่ปล่อยให้ก้าวล่วงออกไปทาง กาย วาจา(ไม่สานต่อ)
เป็นการดับรอบเฉพาะตน(ดับเหตุปัจจัยของการเกิด)
ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว(กรรมใหม่/วจีกรรม กายกรรม ไม่มี)
พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว(มรรค-อริยมรรค มีองค์ 8)
กิจที่ควรทำ(หยุด) ทำเสร็จแล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
หมั่นประกอบธรรมเครื่องระงับจิตของตน
ไม่ทำฌานให้เหินห่าง
หมายเหตุ;
ทำจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิในระดับฌาน(มิจฉาสมาธิ-สัมมาสมาธิ)
มิจฉาสมาธิ
สมาธิที่ขาดความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ขณะจิตเป็นสมาธิอยู่
กำลังสมาธิที่มีเกิดขึ้น ช่วยกดข่มกิเลสไว้
(สมาธิบดบังกิเลส)
สัมมาสมาธิ
สมาธิที่มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมเกิดขึ้น ขณะจิตเป็นสมาธิอยู่
กำลังสมาธิที่มีเกิดขึ้น เป็นเหตุปัจจัยให้
รู้ชัดอยู่ภายในกาย เวทนา จิตธรรม
ประกอบด้วยวิปัสสนา
หมายเหตุ;
ผัสสะ ที่มีเกิดขึ้นทั้งในการดำเนินชีวิต
และขณะทำความเพียร
เมื่อกำหนดรู้(โยนิโสมนสิการ) เนืองๆ
สภาพธรรมที่มีชื่อเรียกว่า วิปัสสนา
(ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา/ไตรลักษณ์)
ย่อมมีเกิดขึ้นเองตามเหตุปัจจัย
เมื่อใจน้อมลงสู่วิปัสสนา(ไตรลักษณ์)เนืองๆ
หากมีผัสสะใดเกิดขึ้น
ใจย่อมน้อมลงสู่วิปัสสนาเอง โดยไม่ต้องคิดพิจรณา
เป็นเหตุปัจจัยให้จิตเกิดการปล่อยวาง จากผัสสะที่มีเกิดขึ้น
โดยไม่ต้องคิดพิจรณาเพื่อให้เกิดการปล่อยวาง
พอกพูนสุญญาคาร
หมายเหตุ;
อยู่ในเรือนว่าง
สุญญตา
เพิ่มพูนการอยู่เรือนว่างเปล่า
หมายถึง สุญญตา หรือ สภาวะที่ปราศจาก ความมีตัวตน เข้าไปเกี่ยวข้อง กับสิ่งที่เกิดขึ้น
1. ที่มีเกิดขึ้นในการดำเนินชีวิต
ได้แก่ โยนิโสมนสิการ(การกำหนดรู้)
2. ที่มีเกิดขึ้น ขณะจิตเป็นสมาธิ
เป็นลักษณะอาการที่มีเกิดขึ้นตามความเป็นจริงของ สัมมาสมาธิ
คือ มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ขณะจิตเป็นสมาธิอยู่(รูปฌาน-อรูปฌาน)
รูปฌาน รูปยังมีอยู่ ใจที่รู้อยู่(วิญญาณ/ธาตุรู้)
อรูปฌาน รูปไม่ปรากฏ ใจที่รู้อยู่(วิญญาณ/ธาตุรู้)
หากเป็นมิจฉาสมาธิ หรือที่เรียกว่า สมถะ
วิญญาณ/ธาตุรู้ จะมีเกิดขึ้นไม่ได้เลย
จนกว่าสมาธิจะคลายตัวหรืออ่อนกำลังลง