การทำกรรมฐาน ไม่แตกต่างกับการประกอบหาเลี้ยงชีพ
อาชีพทั่วไป สำหรับ หล่อเลี้ยงชีวิต ให้มีชีวิตอยู่ ดำเนินต่อไปได้
กรรมฐาน สำหรับ หล่อเลี้ยงจิต ให้อยู่ท่ามกลาง สภาวะแวดล้อม การรุมล้อมของกิเลส ที่เกิดขึ้นจาก ผัสสะ ที่เป็นเหตุปัจจัย เพราะ ยังมีเหตุปัจจัยอยู่ กับสิ่งๆนั้น กิเลสต่างๆจึงเกิดขึ้น
กรรมฐาน ทำแล้วจบ จบแล้ว ไม่ต้องทำอะไรอีก
การประกอบอาชีพ ทำแล้ว ไม่จบ ทำๆจนตายกันไปข้างหนึ่ง เหตุเพราะ ใจ ที่ยังไม่รู้จักคำว่า “พอ”
ตราบใดที่ยังมีชีวิต ทั้งสองสิ่ง ต้องอาศัยเกื้อหนุนกัน ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ ตราบใด ที่ยังมี อวิชชา เป็นปทัฏฐานอยู่
หงุดหงิด
มีแต่ร้องขอ มีแต่กล่าวโทษนอกตัว มีแต่ทำแล้ว หวังจะได้ผลทันที
ไม่เคยย้อนกลับไปดู พฤติกรรม หรือ การใช้ชีวิตในอดีตของตน บ้างเลย
ใครล่ะ ที่ทำให้ชีวิตเป็นแบบนี้ สร้างกันขึ้นมาเองทั้งนั้น เหตุจาก ความไม่รู้ที่มีอยู่
บางคน ทุกข์ของตัวเอง ที่กำลังเผชิญอยู่ ที่ทุกข์อยู่ ยังไม่พอ วิ่งหาทุกข์นอกตัว ใส่เข้ามาอีก เสียเงินเสียทอง ที่กรรมฐาน ไม่ต้องเสียสีกบาทเดียว ไม่ค่อยอยากจะทำกัน
ต้องทุกข์หนัก เหมือนไฟรนก้น นั่นแหละ ถึงจะทำ พอเบาลงหน่อย เอาอีกแล้ว ไปหาเรื่องอื่นเข้าตัวใหม่ โทษใครล่ะทีนี้ ก็โทษนอกตัวอีก
ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง พูดเดิมๆซ้ำซาก เหมือนลมผ่านหู ไม่เคยจำกัน พูดแล้ว พูดอีก จนรู้สึกเบื่อ ถ้าไม่พูด ก็ว่าไม่สนใจอีก ว่าทอดทิ้งกันอีก แต่ทีเวลาพูด กลับไม่จำกันบ้างเลย
โอ้โห …. อดีตย้อนกลับมา นึกถึงหลวงพ่อจรัญ ในสมัยก่อน ท่านคงเหนื่อยน่าดู พูดปากเปียกปากแฉะ เดี๋ยวนี้ ท่านพยักหน้าซะเป็นส่วนมาก ไม่ค่อยพูดแบบก่อนๆ
ช่วงนี้ รู้สึกค่อนข้างหงุดหงิด เพราะ ผู้ที่ให้คำแนะนำอยู่ ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยจำในสิ่งที่เคยพูดไว้ ตั้งแต่แรกเริ่ม ให้คำแนะนำ เคยบอกไว้แล้ว จะต้องเจออะไรกันบ้าง แค่ทุกข์ใจ จะเป็นจะตายให้ได้ แล้วที่ทำไว้กับคนอื่นๆ เคยย้อนกลับไปดูกันบ้างไหม
วลัยพร ผ่านมาหมดแล้ว ทุกข์แทบตาย จะเป็นจะตายให้ได้ เพราะทุกข์แบบนั้นแหละ ถึงมีวันนี้ได้ ถ้ายังสบายดี ยังมีความสุขอยู่ ก็คงเหมือนทุกๆคนน่ะแหละ ไม่แตกต่างกันหรอก
เพราะยังทุกข์ไม่จริง ทุกข์จริง จะทำแบบ ยอมตายถวายชีวิตเลย ตายเป็นตาย ไม่หลับไม่นอน คนอื่นนอนกันหมดแล้ว ตีสอง ตี สาม บางครั้ง ยันสว่าง ยังเดินจงกรม นั่งสมาธิอยู่เลย เพราะ ไม่อยากทุกข์อีกแล้ว ไม่ใช่เพราะ เรื่องอื่นๆเลย
ที่ยังเอาดีกันไม่ได้ ที่ยังทำไม่จริง ไม่มีอะไรหรอก เพราะ ยังทุกข์ไม่จริง เป็นเพียงทุกข์จร เหมือนทุกข์/สุข ทั่วๆไปในชีวิต
ความมหัศจรรย์ของจิต
ช่วงนี้ เจอสภาวะเบื่อเล่นงาน เมื่อเจอผู้ที่ให้คำแนะนำอยู่ ชอบคาดเดา ชอบคิดล่วงหน้า ชอบหาเหตุเข้าใส่ตัว เป็นเหตุให้ รู้สึกหงุดหงิดได้ง่าย เวลาต้องให้คำแนะนำ เพราะ มีแต่พูดเรื่องเดิมๆซ้ำๆ
คือ เข้าใจนะ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ ความรู้สึกที่แต่ละคนเป็นอยู่ ไม่รู้จะพูดยังไงจริงๆ ต้องใช้วิธีตัด ตัดด้วยคำพูด คนที่อดทนจริงๆ ถึงจะผ่านสิ่งต่างๆเหล่านี้ไปได้ แม้กระทั่ง ต้องฟังคำพูดจากผู้แนะนำ
จิตนี่มหัศจรรย์จริงๆ ทุกๆครั้ง ที่เจอสภาวะแบบนี้ จะอยู่ในสมาธิได้นาน ดับสนิท เรียกว่า ให้พักผ่อนแบบเต็มที่ เพื่อมาเผชิญทางโลกต่อ
วันนี้ ซักผ้า มีแว่บเข้ามาเล่นเกมส์บ้าง พอตากผ้าเสร็จ ทำสมาธิตั้งแต่ ๔ โมงเช้า ดับสนิท รู้สึกตัวอีกที ก่อนเที่ยง เก็บผ้าบางส่วน ทำสมาธิต่อ ดับสนิท รู้สึกตัวอีกที บ่าย ๓ โมงครึ่งกว่าๆ
รู้สึกอิ่มในสมาธิ เมื่อเช้า กินสลัด กับ ปลาแซลม่อน ชิ้นเล็กๆ ๒ ชิ้น ตามด้วยน้ำผลไม้ มื้อเย็น น้ำผลไม้อีกแก้ว ไม่มีความรู้สึกหิวข้าวเลย รู้สึกอิ่มๆอยู่ข้างใน