เรื่องความสามารถของแต่ละคน ใช่ว่า จะเลียนแบบได้เหมือนกันหมด เพราะ เป็นสิ่งที่รู้เฉพาะตนจริงๆ
หลายวันมานี่ ได้วิธีการคำนวณที่มีความหลากหลายมากขึ้น ความผิดพลาดที่มีอยู่ ทำให้เกิดระวังมากขึ้น ละเอียดมากขึ้น
ขีดๆเขียนๆ เดิมๆซ้ำๆ ไม่รู้กี่สิบรอบ กี่ร้อยรอบ กี่พันรอบ จะมีวิตก วิจารณ์เป็นระยะๆ สลับกับความสงบ รู้อยู่กับการขีดเขียน กับงานที่ทำอยู่ แปลกแต่จริง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ อะไรที่รู้อยู่กับตัว ทำให้มีความสงบ เกิดขึ้นได้จริงๆ
บางครั้ง รู้สึกถึงชีพจรตามจุดต่างๆของร่างกาย เต้นแรงจนสัมผัสด้วยใจได้ บางครั้งลมหายใจเย็นสบาย รู้ชัดในโพรงจมูก โล่ง เหมือนสูดอากาศบริสุทธิ์
สมุดที่ใช้ เริ่มเปลี่ยนเป็นใช้ขนาดที่มีเล่มใหญ่และเล่มยาวมากขึ้น เพื่อความสะดวก ในสิ่งที่รู้ ที่เห็น
จากกระดาษสมุด ที่เคยลบๆๆๆๆๆ(แก้ไขวิธีคำนวณ) จนกระดาษเยิน ดูสกปรก ยางลบนี่สำคัญนะ บางยี่ห้อ ลบแล้วเยิน บางยี่ห้อ ลบแล้ว เนื้อกระดาษเสียหายน้อย ตอนนี้ใช้ยางลบตราม้า ตามคำแนะนำของเด็ก ค่อนข้างใช้ได้ กล่องละ 49 มี 48 ก้อน คุ้มจริงๆ
ความเสียดายกระดาษสมุด ที่บางครั้งต้องเขียนข้อมูล ที่คิดได้ใหม่ทั้งหมด(ลบไม่ไหว งวดละสองหน้า สิบกว่างวด ยี่สิบกว่าหน้า) บางทีใช้วิธีฉีกออกไป เสียดายสิ สมุดซื้อมาแพง ราคาเล่มละร้อยกว่าบาท(ใช้ยี่ห้อตราช้าง แบบสันห่วง)
ตอนนี้ปรับเปลี่ยนใหม่ หากมีการเขียนวิธีคำนวณที่ได้ใหม่ เขียนใส่กระดาษเอสี่ ห่อหนึ่งราคา 80 บาท มีจำนวน500 แผ่น คุ้มจริงๆ
อีกหน่อย คงเปลี่ยนใช้แบบแฟ้ม จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อสมุดบ่อย ไม่ต้องลบ เปลี่ยนกระดาษใหม่แทน เท่ากับมีข้อมูลเก่าๆ เก็บไว้ดูด้วย
วกกลับเข้ามาเกี่ยวกับความสามารถเฉพาะตน เรื่องวิธีการคำนวณ ที่วลัยพรทำขึ้นมา สอนใครไม่ได้จริงๆ ขนาดเจ้านาย อยู่ด้วยกันแท้ๆ ยังสอนกันไม่ได้เลย
เขาบอกว่า วลัยพรคำนวณละเอียดมาก และเขาก็ไม่มีเวลามากพอที่จะมาเรียนรู้วิธีการคำนวณที่มีอยู่ อย่างมากถามแค่ว่า วลัยพรมีอะไรมั่ง มาเทียบกันหน่อย
มีบางครั้งที่เขานำมาเทียบ แล้วทำเป็นพูดประมาณว่า มันเป็นแบบนั้น แบบนี้ มีเหมือนกันนะ หงุดหงิด รำคาญ หากคิดว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ จะมาถามทำไม
บางครั้งจะเงียบ แต่บางครั้งมีบ้างนะ ที่จะบอกกับเขาว่า เอาอีกละ หากคิดว่าเป็นแบบนั้น จะมาถามทำไม เขาจะหัวเราะ
พอเราอารมณ์สงบลง จะถามเขาว่า วันนี้โดนกัดไปกี่ครั้ง(แง่งๆใส่) เขาจะตอบว่า นับไม่ถ้วนเลย พร้อมกับหัวเราะ
บอกตามตรงว่า ตอนนี้ จะเห็นความรำคาญของตัวเองชัดมาก ใครที่ชอบมาวุ่นวาย มาจู้จี้ ถ้าเจอแบบนั้น จะหนีให้ไกลเลยนะ กลัวอดใจอยู่ เสียเวลาสร้างเหตุเปล่าๆ
ยิ่งถ้าเจอประเภท ไม่รู้อะไรเลย เจอแบบนี้ ต้องอยู่ห่างๆ ไม่อยู่ใกล้ เพราะไม่อยากสร้างเหตุ ตามความขี้รำคาญ
วลัยพรเป็นคนขี้รำคาญนะ ยิ่งถ้ามาพร่ำพรรณาเรื่องทางโลก (โลกธรรม ๘) ถ้าหนีได้จะหนีเลยนะ ฟังแล้วรำคาญ นี่แหละความไม่รู้ที่มีอยู่ของแต่ละคน จะรู้กันบ้างไหมว่า ถึงเวลาต้องตายจริงๆ จะเป็นยังไง
เมื่อไม่รู้ จึงไม่มีการคิดเตรียมตัวที่จะตายแต่เนิ่นๆ หากไม่รู้อะไรเลย การปฏิบัติก็ไม่เอา ก็สะสมไป การทำบุญ ทำทาน ทำไปเถอะ เก็บเล็กผสมน้อย เผื่อไว้ เวลาที่จะต้องตายขึ้นมาจริงๆ หากจิตระลึกถึงคุณงาม สิ่งที่เคยสร้างกุศลไว้ อย่างน้อย เวลาตาย ยังมีโอกาสไปภพภูมิที่ดี