30 กย. 65 แก้ไขใหม่
เห็นความเกิดดับของรูปนาม ตามจริง
1. มีเกิดขึ้้ขณะดำเนินชีวิต
2. มีเกิดขึ้นขณะทำกรรมฐาน
2.1 มีเกิดขึ้นขณะเดินจงกรม
2.2 มีเกิดขึ้นขณะจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิในรูปฌาน อรูปฌาน นิโรธ
3. มีเกิดขึ้้นขณะมรรคญาณ(ไตรลักษณ์) ผลญาณ(วิมุตติปาริสุทธิ) ปรากฏตามจริง
3.1 มรรคญาณ(ไตรลักษณ์) ผลญาณ(วิมุตติปาริสุทธิ) ปรากฏตามจริง
โคตรภูญาณ
วิชชา ๑ สุญญตา แจ้งนิพพาน แจ้งอริยสัจ ๔
(เป็นความรู้ความเห็นเฉพาะผู้ปฏิบัติได้เนวสัญญาฯที่เป็นสัมมาสมาธิเท่านั้น)
3.2 มรรคญาณ(ไตรลักษณ์) ผลญาณ(วิมุตติปาริสุทธิ) ปรากฏตามจริง
วิชชา ๒ ปรากฏตามจริง แจ้งอริยสัจ ๔
3.3 มรรคญาณ(ไตรลักษณ์) ผลญาณ(วิมุตติปาริสุทธิ) ปรากฏตามจริง
วิชชา ๓ ปรากฏตามจริง มหาสุญญตา แจ้งอริยสัจ ๔
วิมุตติญาณทัสสนะ ปรากฏตามจริง
แจ้งอริยสัจ ๔
แจ้งขันธ์ ๕และอุปาทานขันธ์ ๕
26 พ.ย. 2017
[๘๖๙] ก็ปัญญินทรีย์เป็นไฉน?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีปัญญา
ประกอบด้วยปัญญาเครื่องกำหนดความเกิดความดับ อันประเสริฐ
ชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ
อริยสาวกนั้นย่อมรู้ตามความเป็นจริงว่า
นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
นี้เรียกว่า ปัญญินทรีย์
หมายเหตุ;
ปัญญินทรีย์ มีเพียงอย่างเดียว
ได้แก่ อริยสัจ ๔
19 ธ.ค. 2017
ปัญญินทรีย์ กับ อาสวะ(บางเหล่าและทั้งหลาย)
ของผู้นั้นสิ้นไป เพราะเห็นด้วยปัญญา
เป็นคนละตัว คนละสภาวะกัน
19 ธ.ค. 2017
ปฏิบัติที่เรียกว่า ลำบาก
และปฏิบัติที่เรียกว่า สบาย
ล้วนเป็นเรื่องของความรู้สึกที่มีเกิดขึ้นทางใจล้วนๆ
ทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ปฏิบัติลำบากทั้งรู้ได้ช้า ๑
ทุกขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ปฏิบัติลำบากแต่รู้ได้เร็ว ๑
ข้อปฏิบัติ ได้แก่ การเจริญสมถะมีวิปัสสนาเป็นเบื้องต้น
(วิปัสสนา/ไตรลักษณ์เกิดก่อน สมถะ/สัมมาสมาธิ เกิดทีหลัง)
สุขาปฏิปทาทันธาภิญญา ปฏิบัติสะดวกแต่รู้ได้ช้า ๑
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา ปฏิบัติสะดวกทั้งรู้ได้เร็ว ๑
ข้อปฏิบัติได้แก่ การเจริญวิปัสสนามีสมถะเป็นเบื้องต้น
(สมถะ/สัมมาสมาธิ เกิดก่อน วิปัสสนา/ไตรลักษณ์เกิดทีหลัง)
ทั้งสุขาและทุกขาปฏิปทา จะรู้ช้าหรือรู้เร็ว
เป็นเรื่องของอินทรีย์ ๕ ตัวแปรของสภาวะทั้งหมด คือ ปัญญินทรีย์
กล่าวคือ ถึงแม้จะมี อนุโลมญาณ มรรคญาณ ผลญาณเกิดขึ้นแล้ว
แต่ปัญญินทรีย์อ่อน ได้แก่ การรู้แจ้งแทงตลอดในอริยสัจ ๔ มีเกิดขึ้นช้า
ด้วยเหตุปัจจัยนี้ เป็นเหตุปัจจัยให้
ไม่รู้ชัดวิธีการกระทำเพื่อดับเหตุแห่งทุกข์
(รู้แค่เปลือก ไม่รู้ถึงที่สุด)
จึงชื่อว่า ปฏิบัติลำบากและปฏิบัติสะดวก แต่รู้ได้ช้า
การแจ้งแทงตลอดในอริยสัจ ๔ จะมีเกิดขึ้นได้ ต้องแจ้งใน นิพพาน
ในแง่ของการนำมากระทำเพื่อดับเหตุแห่งทุกข์(ดับเหตุปัจจัยของการเกิด)
เมื่อแจ้งในนิพพาน ตามความเป็นจริง
ที่สามารถนำมากระทำเพื่อดับเหตุแห่งทุกข์ได้
เป็นเหตุปัจจัยให้แจ้งใน ผัสสะและอริยสัจ ๔
และเป็นเหตุปัจจัยให้แจ้งใน ปฏิจจสมุปบาทและอริยสัจ ๔ ในที่สุด
หัวใจพระธรรมคำสอน ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้
ทุกข์
เหตุแห่งทุกข์
ความดับทุกข์
ทางให้ถึงความดับทุกข์
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ทรงตรัสรู้อริยสัจ ๔
27 ม.ค. 2018
เป็นคนละตัว คนละสภาวะกัน
แต่อาสวะบางเหล่าหรือทั้งหลายของผู้นั้นสิ้นไป เพราะเห็นด้วยปัญญา
คำว่า เพราะเห็นด้วยปัญญา หมายถึง ไตรลักษณ์
อนิจจัง(ไม่เที่ยง)
ทุกขัง(เป็นทุกข์)
อนัตตา(เป็นอนัตตา)
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
จักษุเป็นของไม่เที่ยง
สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์
สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นท่านทั้งหลาย
พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า
นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา
หูเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ
จมูกเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ
ลิ้นเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ
กายเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ
ใจเป็นของไม่เที่ยง
สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์
สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นท่านทั้งหลาย
พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า
นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา
เมื่อมีเกิดขึ้นเนืองๆ
อนิจจานุปัสสนา
ทุกขานุปัสสนา
อนัตตานุปัสสนา
ผล
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้
ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในจักษุ
ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในหู
ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในจมูก
ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในลิ้น
ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในกาย
ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในใจ
เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด
เพราะคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น
เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว
รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ฯ.
๑. มีเกิดขึ้น ขณะดำเนินชีวิต
กล่าวคือ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ(กามภพ)
เป็นการละอุปทานขันธ์ ๕ อย่างหยาบ
๒. มีเกิดขึ้น ขณะจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิในรูปฌาน อรูปฌาน
กล่าวคือ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ(รูปภพ อรูปภพ)
เป็นการละอุปทานขันธ์ ๕ อย่างกลาง
๓. มีเกิดขึ้นขณะเกิดสภาวะจิตดวงสุดท้าย
หากยังไม่ทำกาละ
เป็นลักษณะอาการที่มีเกิดขึ้นตามความเป็นจริงของสภาวะ
อนุโลมญาณ มรรคญาณ ผลญาณ
สุญญตวิโมกข์
อนิมิตตวิโมกข์
อัปปณิหิตวิโมกข์
เป็นการละอุปทานขันธ์ ๕ อย่างละเอียด
ปัจจเวกขณญาณ
ครั้งที่ ๑. แจ้งแทงตลอดด้วยตนเองใน ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปทาน ภพ
ผัสสะ กับ อริยสัจ ๔
ครั้งที่ ๒. แจ้งแทงตลอดด้วยตนเองใน อวิชชา สังขาร วิญญาณ
ปฏิจจสมุปทาท กับ อริยสัจ ๔
ปัญญินทรีย์ การรู้แจ้งแทงตลอดในอริยสัจ ๔
เกิดที่หลังสภาวะ อาสวะบางเหล่าหรือทั้งหลายของผู้นั้นสิ้นไป เพราะเห็นด้วยปัญญา(ไตรลักษณ์)