ผลตอบแทน
31 มี.ค. 2010 ใส่ความเห็น
in บันทึก
เล่นกับสมาธิ
31 มี.ค. 2010 ใส่ความเห็น
in บันทึก
2012
30 มี.ค. 2010 ใส่ความเห็น
in บันทึก
เทคนิคการสร้างอัปปนาสมาธิให้เกิดขึ้น
29 มี.ค. 2010 ใส่ความเห็น
in บันทึก
สภาวะยิ่งเปลี่ยน จิตละเอียดมากขึ้น
29 มี.ค. 2010 ใส่ความเห็น
in ชีวิตประจำวัน, บันทึก
มีแค่นี้เองหรือ ” ชีวิต “
29 มี.ค. 2010 ใส่ความเห็น
in ชีวิตประจำวัน, บันทึก
ในแง่ของการปฏิบัติ
29 มี.ค. 2010 ใส่ความเห็น
in บันทึก
แต่ความสม่ำเสมอ ความเสมอต้นเสมอปลาย ความต่อเนื่อง ตรงนี้แหละคือตัวสำคัญที่สุด
ยิ่งมีสติ สัมปชัญญะเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งเห็นรายละเอียดของสภาวะมากขึ้นเท่านั้นเวลาเดิน ใหรู้เท้าที่กระทบพื้น รู้ลงไปตรงนั้น จะช่วยให้ระงับความฟุ้งไปได้เป็นพักๆ
พอวันใด สติดี สมาธิดี ความฟุ้งจะหายไปเองค่ะ
วันนี้ได้ไปอีกหนึ่งหน่วยกิตสติ สัมปชัญญะและสมาธิที่เพิ่มขึ้นนะคะ ไม่ใช่ไม่มีอะไรเลย
ค่อยๆปรับอินทีรย์ไปเรื่อยๆค่ะ เดินมั่ง นั่งมั่ง นอนมั่ง ยืนมั่ง ใช้ทั้งนั้นแหละค่ะ
แต่ที่สำคัญคือ ควรเดินก่อนไปต่อด้วยการกำหนดอริยาบทอื่นๆ
หน้าที่ของผู้สอบอารมณ์
29 มี.ค. 2010 ใส่ความเห็น
in การสอบอารมณ์, บันทึก
นี่คือ สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งของผู้สอบอารมณ์ เพราะจะเป็นอันตรายแก่สภาวะของผู้ปฏิบัติ
ในเรื่องการเกิดการปรุงแต่งขึ้นมา แล้วสภาวะจะผิดเพี้ยนไปจากความจริง ทำให้ผู้ปฏิบัติหลงสภาวะได้โดยเฉพาะ ผู้ที่สอบอารมณ์นั้น สอบอารมณ์ด้วยการกางตำราสอบ อันตรายอย่างยิ่ง
ผู้ที่จะสอบอารมณ์ได้นั้น จะต้องอ่านสภาวะของกิเลส และ สภาวะของ สติ สัมปชัญญะได้เพราะตัวสภาวะของกิเลสและสติ สัมปชัญญะนั้น จะบ่งบอกว่า สภาวะของผู้ปฏิบัตินั้น อยู่ตรงไหน
และควรแนะนำให้ผู้ปฏิบัติ ปรับเปลี่ยนสภาวะตามอินทรีย์ได้หรือยังสภาวะที่ผู้สอบอารมณ์ไม่ควรนำมาใช้กับผู้สอบอารมณ์คือ
1. ปฏิบัติถูกทางแล้ว
คำว่า ถูกทาง คือ ถูกในรูปแบบของผู้สอบอารมณ์2. ปฏิบัติถูกต้องแล้ว
ถูกต้องคือ เป็นเรื่องของความเห็นว่าถูกหรือผิด ในความคิดของผู้สอบอารมณ์
3. ภาวนาดีแล้ว
ดีหรือไม่ดี เป็นเรื่องของความคิดผู้สอบอารมณ์
4. ทำดีแล้วนะ ก้าวหน้ามากๆเลยนะ
คำสรรเสริญ เยินยอ ไม่ควรนำมาใช้กับผู้ปฏิบัติ เพราะเท่ากับไปเพิ่มกิเลสต่างๆ
เพิ่มมานะกิเลสให้กับผู้ปฏิบัติ ทำให้ยิ่งปฏิบัติ สภาวะยิ่งแย่ลง เพราะไปยึดติดกับคำชม
5. มีที่พึ่งแล้วนะ
ตรงนี้สำคัญมากๆเลย มีหลายๆคน นำสภาวะ ” มีที่พึ่งแล้วนะ เพราะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้วนะ ”
นี่เป็นการนำสภาวะไปใช้แบบผิดๆ
สิ่งเหล่านี้ที่นำมากล่าว ล้วนก่อให้เกิดความทะยานอยากให้แก่ผู้ปฏิบัติมากกว่าเดิม
ทำให้บดบังปัญญา ไม่สามารถเห็นสภาวะที่แท้จริงได้
คือ มีแต่เป็นเหตุไปเพิ่มกิเลส แทนที่จะปฏิบัติแล้ว ลด ละ กิเลสได้
ผิดอย่างไร
คำว่า ” มีที่พึ่งแห่งตน ” มาจากคำว่า คำเต็มๆว่า
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ.
ขุ. ธ. ๒๕/๓๖.ตนแล เป็นที่พึ่งของตน คนอื่น ใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
ก็บุคคลมีตนฝึกฝนดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้ยาก.
ทีนี้ ครูบาฯรุ่นเก่าๆ ท่านได้ขุดหลุมพรางดักกิเลสผู้ปฏิบัติเอาไว้
ท่านเลยใช้คำว่า ผู้ที่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งนั้น คือ เป็นคนที่มีที่พึ่งแล้วนะ
นี่คือ หลุมพรางกับดักกิเลสชั้นยอด สำหรับผู้ที่อยากเป็นโสดาบัน
ท่านไว้ใช้ในการสอบอารมณ์ เวลาใครนำไปสนทนา ท่านจะจับได้ทันที
เพียงแต่ ท่านจะบอกหรือไม่บอกแก่คนนั้นเท่านั้นเอง
มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ตรงนี้หมายถึง แม้ตกตายไป ย่อมได้สวรรค์สมบัติและมนุษย์สมบัติอย่างแน่นอน
พระรัตนตรัย เรามีไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเรา เพื่อมุ่งมั่นกระทำแต่ความความดี
ตัวอย่างที่ดีมีให้เห็น ยิ่งทำให้มุ่งมั่นทำความเพียรต่อเนื่อง ไม่ท้อถอยแต่อย่างใด ส่วนที่กล่าวว่า ตนแล เป็นที่พึ่งแห่งตนนั้น หมายถึง ผู้นั้นได้มี สติ สัมปชัญญะ เป็นที่พึ่งแล้ว
สติ สัมปชัญญะที่นำมากล่าวนี้ เกิดจากการเจริญสติ และเป็น สัมมาสติ
คือ มีทั้ง สติ และสัมปชัญญะ ประกอบอยู่ด้วยกัน จะขาดตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้
แนวทางการปฏิบัติ เหตุไฉนแนวสติปัฏฐานหรือการเจริญสติ จึงเป็นทางสายกลาง
เพราะเหตุว่า ไม่ว่าผู้ปฏิบัติ จะมีพื้นฐานของสมาธิหรือไม่มีเลยก็ตาม สามารถปฏิบัติได้
และไม่มีรูปแบบที่ตายตัว แต่ผู้ปฏิบัติสามารถเลือกปฏิบัติได้ ตามความถนัดของแต่ละคน
คือตามแต่เหตุที่แต่ละคนกระทำมา
ส่วนด้านกรรมฐาน ๔๐ กองนั้น อันนั้นก็เกิดจากเหตุที่แต่ละคนกระทำมา
บางคนเคยทำกรรมฐานกองไหนมา ไม่ต้องมีครูบาฯสอน ก็สามารถอ่านหนังสือและทำตามเองได้
แล้วเมื่อผลบุญกุศลหนุนนำ สามารถเจริญสติหรือยกสมถะขึ้นสู่วิปัสสนาได้
ที่เรียนรู้ตั้งแต่เกิด
27 มี.ค. 2010 ใส่ความเห็น
in บันทึก
ที่เรียนรู้ของเรา ทุกคนมีมาตั้งแต่เกิด
กายและจิตของเรานี่เอง เรียนรู้อะไร เรียนรู้กิเลส กิเลสเกิดจากไหน เกิดจากผัสสะนี่เอง
เราไปปรุงแต่งมันขึ้นมาเอง เมื่อเกิดการกระทบทุกๆครั้ง
เราจึงต้องมาเจริญสติปัฏฐานกันเพราะเหตุนี้
เพื่อเราจะได้มีที่พึ่งสำหรับตัวเองคือ สติ สัมปชัญญะ
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
ตัวกระตุ้นสภาวะ
26 มี.ค. 2010 ใส่ความเห็น
in บันทึก