2-01-15
แก้ไม่ได้นะ
ความยึดติด ไม่ว่าจะติดกับสิ่งใดก็ตาม ยึดติดมาก ก็ทุกข์มาก ยึดน้อย ก้ทุกข์น้อย ไม่ยึดเลย ไม่ต้องเจอทุกข์
ก็เข้าใจนะว่า มีหลายๆคน ที่ยึดติดในตัววลัยพร จะด้วยความเคารพ หรือด้วยเหตุปัจจัยใดๆก็ตาม
ยังมีพลาดนะ
เรื่องโทรฯ บางครั้งก็ยังมีพลาดอยู่ เวลาทำสมาธิ ลืมปิดเครื่อง คนที่โทรฯเข้ามาหา จะโทรฯมาด้วยเหตุใดก็ตาม เขาย่อมไม่รู้ว่า ฝ่ายที่เขากำลังโทรฯหานั้น ทำอะไรอยู่
บ้างก็มีโทรฯเข้ามาเพื่ออวยพรวันปีใหม่ วันเกิด หรือจะด้วยเหตุใดก็ตาม ซึ่งวลัยพรมักจะบอกเสมอๆว่า ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ชีวิตจะดีขึ้นหรือเลวลง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับลมปากของใคร แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเอง
ฉะนั้น จึงเป็นคนที่ไม่ให้ความสำคัญอะไรกับเรื่องพวกนี้ ใครจะคบหรือไม่คบ เพราะเรื่องพวกนี้ อันนี้ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ
ส่วนการแผ่เมตตา กรวดน้ำ ให้ทุกสรรพสิ่ง ล้วนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บตาย ด้วยกันทั้งสิ้น ที่ยังมีชีวิตอยู่ และที่หมดลมหายใจไปแล้ว เป็นการให้แบบปกติ ให้ในสิ่งที่ควรให้
และอธิษฐานจิต การทำความเพียร เพื่อการไม่เกิด นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ของผู้ที่เบื่อหน่ายในธาตุขันธ์ เบื่อหน่ายภพชาติของการเกิด เบื่อหน่ายในเหตุปัจจัยที่ตนมีอยู่
ก็รู้นะว่า การกระทำของตนเอง บางครั้งส่งผลกระทบให้อีกฝ่าย เกิดความทุกข์ใจได้ เหตุปัจจัยจาก ความยึดติด ยึดมั่นถือมั่นในตัววลัยพร จะด้วยเหตุปัจจัยใดๆก็ตาม
แม่
วลัยพรไม่เคยกล่าวคำอวยพรให้กับแม่ แต่จะบอกกับแม่ทุกครั้งที่โทรฯหา ประมาณว่า แม่ตั้งใจทำความเพียรนะ ทำแบบไหนก็ได้ ทำเวลานอนก็ได้ ใช้กำหนดรู้ลมหายใจ หรือไม่ต้องกำหนดใดๆก็ได้ แค่รู้ว่า กำลังหายใจอยู่เท่านั้นก็พอ หมั่นทำบุญสร้างกุศลให้มากๆ หากต้องมีเหตุให้มาเกิดอีก ชีวิตจะได้ไม่ลำบาก จะบอกกับแม่แบบนี้ทุกครั้ง
เมื่อบอกแม่เสร็จ ไม่เคยเก็บมาคิดว่า แม่จะทำไหม คือมีหน้าที่บอก แต่ไม่ใช่ไปบังคับ ซึ่งแม่ก็ทำตามเหตุปัจจัยของแม่ อย่างน้อย แม่ก็มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ยังดีกว่า มีอย่างอื่นเป็นที่พึ่ง
ส่วนการที่แม่จะทำตน ให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้มากน้อยแค่ไหน นั่นก็แล้วแต่เหตุปัจจัยของแม่ สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัยของผู้นั้น
ทุกวันนี้ ไม่มีห่วง ใครจะว่าใจจืด ใจดำยังไงก็ช่าง เพียงทำตามหน้าที่ ที่สมควรทำ ที่สมควรให้ ให้โดยไม่ต้องคิดว่า วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ให้เท่าที่ให้ได้ ณ ขณะนี้ ณ วันนี้
ชีวิตวลัยพร ณ ตอนนี้ หลับก็หลับอย่างเป็นสุข(จิตเป็นสมาธิ) ชีวิตในแต่ละวัน สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ตามอุปทานที่ยังมีอยู่ และการสร้างเหตุแห่งทุกข์ ที่ยังมีอยู่ (หยุดมากกว่าที่จะสานต่อ)
หากต้องตาย ก็ตายอย่างมีความสุข(จิตที่ถูกฝึกให้เป็นสมาธิอย่างต่อเนื่อง ย่อมมีสุคติเป็นที่หมาย หากยังต้องเกิดอีก)
สิ่งที่วลัยพรให้กับทุกๆคนได้ในตอนนี้ คือ คำบอกเล่าเรื่องราว ที่มีเกิดขึ้นในชีวิต ตามความเป็นจริง และวิธีการกระทำเพื่อดับเหตุแห่งทุกข์ ที่หลงกระทำให้มีเกิดขึ้นมาเนืองๆ ปัจจัยจาก ความไม่รู้ที่มีอยู่
ฉะนั้น จงอย่าเสียความรู้สึก หรือเสียใจ หรือทำให้เกิดทุกข์ขึ้นกันเอง ปัจจัยจาก ความยึดติดในตัววลัยพร จะด้วยเหตุใดๆก็ตาม
เพราะสิ่งที่วลัยพรพร่ำบอกเสมอคือ อย่าเสียเวลาทำตามประเพณี หรือตามสภาพแวดล้อมของสังคม คำอวยพรใดๆ เป็นแค่เปลือก
สภาพภายในที่แท้จริงของจิต นี่สิควรใส่ใจ เพราะบ่งบอกถึง ต้นเหตุของการเกิด ที่ยังมีอยู่ เมื่อยังต้องเกิด ก็หนีไม่พ้นทุกข์ เวียนวนซ้ำซาก ควรพาตัวเองให้พ้นจากวังวนของการเกิด นี่สิ ควรใส่ใจ ควรกระทำ
ความคิดถึง
ก็ยังคงมีความคิดถึงทุกๆคน ทั้งที่เคยพบเจอกัน และไม่เคยพบเจอกัน แม้กระทั่งหน้าตา ก็ไม่เคยเห็น ที่คิดถึงกัน ล้วนเกิดจากเหตุปัจจัยที่มีต่อกัน
คิดถึง ก็เป็นเรื่องของความรู้สึก คิดได้ รู้สึกได้ เป็นเรื่องของกิเลสที่มีอยู่ มีเกิดขึ้น เป็นเรื่องปกติ เพียงแค่รู้ว่ามี
แต่ไม่ได้โทรฯหา หรือพบปะติดต่อใดๆ เพราะพอพบเจอ มักคุยแต่เรื่องเดิมๆซ้ำๆ วังวนของการเกิด สุดท้ายหมดเรื่องคุย
เมื่อรู้ว่าเหตุอยู่ตรงไหน เพียรดับเหตุนั้น ด้วยการละ ละการพบปะพูดคุยด้วย ตัววลัยพรไม่เท่าไหร่ หากมีทุกข์เกิดขึ้น ก็แก้ด้วยตนเองได้ แต่คนอื่นนี่สิ วลัยพรไม่อยากให้ตัวเอง เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ ให้กับใครๆ
กับญาติพี่น้องก็เช่นกัน ไม่เคยโทรหากันเพื่ออวยพรกันแต่อย่างใด โทรหากันต่อเมื่อ มีธุระจริงๆ อย่างคราวนี้ โทรหาน้องสาว ขอเบอร์บ/ช เพื่อโอนเงินเข้าบ/ชน้อง ส่งเงินให้แม่ทำบุญ
น้องบอกเลขที่บ/ชเสร็จ จบเรื่องกัน ไม่มีมาอวยพรกันแบบคนอื่นๆทั่วๆไป คือ จบแค่นั้น วางหู หากวลัยพรยังโทรหา นั่นคือ ยังมีชีวิตอยู่ หากไม่มีการติดต่อใดๆ นั่นหมายถึง สิ้นชีวิตแล้ว
นี่สั่งเสียล่วงหน้า เตรียมตัวตายให้พร้อมตลอดเวลา สั่งเจ้านายไว้เรียบร้อย หากสิ้นชีวิตจริงๆ ให้โทรบอกญาติพี่น้องของวลัยพรด้วย ศพไม่ต้องทำอะไร โทรแจ้งรพ. ที่บริจาคร่างกายไว้เท่านั้นพอ เดี๋ยวเขามารับศพเอง
หากเขาไม่มารับ ไปจ้างวัดไหนก็ได้เผาไปเลย ไม่ต้องทำพิธีใดๆทั้งสิ้น นี่นะ เตรียมไว้ล่วงหน้า ใครตายก่อนใครก็ไม่รู้
หากเจ้านายไปก่อน ทรัพย์สมบัติของเขาทั้งหมด ไม่เอาสักอย่างเดียว ให้ทางญาติพี่น้องเขามาจัดการกันเอง ส่วนวลัยพรนะรึ ไปตามวัดอย่างเดียว พอกันทีกับชีวิตทางโลก น่าเบื่อหน่าย ไม่เอาอีกแล้ว
ถ้าถามว่าจะบวชรึ บอกได้เลย ไม่บวชหรอก แค่ใช้ชีวิตฆราวาส ตามที่ควรทำเท่านั้นพอ ตราบใดที่ยังมีวัดอยู่ ไม่อดตายหรอก มีแค่ค่ารถเดินทางก็พอแล้ว จะไปเอาอะไรกับทางโลกอีก
2-01-15
ไม่สำคัญ
สำหรับฉันแล้ว วันไหนๆ ไม่ใช่วันสำคัญ สิ่งที่สำคัญ คือ การเพียรละเหตุแห่งทุกข์ ที่ยังมีอยู่
ฟัง มากกว่าพูด ทำให้ดับได้ทัน มากกว่าจะกระทำให้มีเกิดขึ้นอีก(สานต่อ)
แรกๆ อาจทำใจให้ยอมรับได้ยาก(โดยเฉพาะความไม่ชอบใจ) พอเจอเรื่องราวเดิมๆซ้ำๆ ความรู้สึกเดิมๆซ้ำๆ ใจเริ่มชิน เดิมๆซ้ำๆ เดิมๆซ้ำๆ สุดท้าย แค่นั้นเอง ใจก็ยอมรับได้เอง สงบลงได้เอง ตามเหตุปัจจัย
อย่าอาย
การที่จะรู้ชัดตามความเป็นจริง ของสภาพธรรมต่างๆที่มีเกิดขึ้นในชีวิต ที่มีเกิดขึ้นตามความเป็นจริงได้
สิ่งแรกคือ ต้องกล้ายอมรับสิ่งที่มีอยู่ในตัวเอง ตามความเป็นจริง ให้ได้ก่อน หากยังมีความอาย(ปกปิด) ยังไม่กล้ายอมรับสิ่งที่ตนยังมีอยู่ และเป็นอยู่(กิเลส)
แค่เรื่องราวของตัวเอง เช่นกิเลสที่มีอยู่ ยังไม่กล้ายอมรับ นับประสาอะไรกับเรื่องราวอื่นๆ ที่มีเกิดขึ้นในตนเอง แล้วจะดับเหตุแห่งทุกข์(การเกิด) ได้อย่างไร ขนาดเรื่องของตัวเอง ยังไม่กล้ายอมรับ ยังมีปกปิด กลัวการรังเกียจจากผู้อื่น
อย่างวลัยพรนี่ ติดข้องสิ่งใดอยู่ เปิดหมด ไม่มีปกปิดตนเอง ยกเว้นบางเรื่อง ที่เกี่ยวกับบุคคลที่สาม
การตั้งกลุ่มสูตรหวยขึ้นมา ก็ไม่เคยรู้สึกอาย ไม่ต้องสร้างภาพว่าฉันไม่เกี่ยวข้องอบายมุข ไม่ต้องสร้างภาพว่า เป็นคนดี ถางแต่กิเลส
ก็เมื่อเหตุปัจจัยยังมีอยู่ เพียงยอมรับ ไม่ปกปิดตนเอง สติมา ปัญญาเกิด สงบได้ ใจก็ทุกข์น้อยลงเอง ตามเหตุปัจจัย
ก็ยังคงอยู่ในวังวนของวงการหวย ช่วยไม่ได้นี่ เมื่อคู่ครองเป็นแบบนี้(สภาวะ) แค่ช่วยในส่วนที่พอจะช่วยได้เท่านั้นเอง
ถ้าถามว่า อยากได้ด้วยไหม ก็มีบ้างเป็นธรรมดา แต่ไม่ถึงขั้น อยากได้มากๆ อะไรแบบนั้น คือ ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา ไม่ได้เป็นแบบนั้น หากเจ้านายได้ ก็ดีใจด้วย
15-12-14
ยังชอบท่องเที่ยวนะ
คุยกับเจ้านายว่า หากเขาหยุดได้หลายๆวัน หากกลับไปแพร่ พายายไปเที่ยวกัน ที่สถานีขนส่งแพร่ มีรถไปกลับสะดวกมา อยากไปไหนก็ไปได้
เขาถามว่า จะไปเที่ยวจริงหรือ?
เราบอกว่า แค่อยากไปน่ะ เห็นรถเดินทางสะดวกดี แต่พอคิดอีกที ใช้วิธีดูภาพที่คนอื่นเที่ยวกันดีกว่า ไม่ก็ดูจากทีวีดีกว่า เพราะมีคำตอบสมอว่า เที่ยวนอกตัว เที่ยวไปก็แค่นั้น สุดท้ายก้มีแต่เหตุ เที่ยวในตัวดีกว่าเนอะ
เขาฟังแล้ว หัวเราะ
คุยกันเรื่องโรงสีข้าวเก่าของตา ที่อยู่ตรงท้ายสวน เป็นโรงสีเล็กๆ ไม่ต่างกับบ้าน บอกกับเขาว่า หากยายเลิกเลี้ยงไก่ จะทำความสะอาดบ้านไม้หลังนั้น หล่อปูนที่โคนเสา(กันปลวก) ด้านที่หันหาบ้านชาวบ้าน ทำประตูและใช้ไม้ตีปิดด้านนั้นเสีย(ไม้เก่า ยายเก็บไว้เยอะ ไม่ต้องซื้อไม้) ด้านที่เหลือใช้ตาข่ายและติดมุ้งลวด จะได้ไม่ต้องใช้พัดลม และกันยุงได้ด้วย สภาพอากาศในสวน ค่อนข้างเย็น
ที่ปิดไม้ด้านข้าง เพื่อไม่ให้ชาวบ้านมองเข้ามาได้ จะเอาไว้สำหรับเป็นที่หลบมุมจากคนด้วย
เขาบอกว่า ทำแบบนั้นก็ดีนะ