ฌาน+วิปัสสนา = วิปัสสนาญาณ
คำถาม ญาณ 16 สาระที่สำคัญที่แท้จริงอยู่ตรงไหน
คำตอบ โดยตัวสภาวะ สาระสำคัญที่ควรรู้ นับตั้งแต่อุยัพพยญาณ ขึ้นไป
อุทยัพพยญาณ เป็นเรื่องของ อุปกิเลส หรืออาจจะเรียกว่า วิปัสสนูปกิเลสก็ได้
แต่ถ้านำมาอธิบายโดยตัวสภาวะ ก็หมายถึง ความยึดมั่นถือมั่นในสภาวะที่มีเกิดขึ้นขณะจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ
เราเองก็เรียกว่า อุปกิเลส ไม่ไปใช้วิปัสสนูปกิเลสให้มันดูสำคัญเกินไป
แล้วถ้าจะเลือกนำมาเฉพาะสาระ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติ ในการตรวจสอบสภาวะตนเอง
เพื่อจะได้รู้ว่า ควรทำอย่างไรต่อ สาระที่สำคัญจริงๆ จะเริ่มตั้งแต่ อุทยัพพยญาณเป็นต้นไป
ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
1. ส่วนของสมถะ ที่เป็นสัมมาสมาธิ เริ่มต้นที่ภังคญาณ
2. ส่วนของวิปัสสนา ได้แก่ การรู้ชัดอยู่ภายในกาย เวทนา จิต ธรรม
หรือที่เรียกว่าเป็นการเจริญสติปัฏฐาน 4 นับตั้งแต่ ภยญาณ เป็นต้นไป
3. อนุโลมญาณ มรรคญาณ ผลญาณ อยู่ในส่วนของสัจจานุโลมิกญาณ
เฉพาะสภาวะนี้ เป็นเรื่องของเหตุปัจจัยของแต่ละคน ใช่ว่าจะมีเกิดขึ้นทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ตั้งจิตปรารถนาไว้ในพุทธภูมิ
จริงๆแล้วของเดิม วิปัสสนาญาณ 9 ในปฏิสัมภิทามรรค ที่พระสารีบุตรนำมาแจกจงไว้นั้น
เหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจรายละเอียดสภาวะต่างๆที่มีเกิดขึ้น
กล่าวคือ ลงมือปฏิบัติพร้อมๆกับได้ศึกษาสภาวะไปด้วย
ส่วนญาณ 16 เป็นคัมภีร์ที่แต่งขึ้นมาใหม่ในภายหลัง โดยนำเรื่องวิปัสสนาญาณ 9 ฯ มาขยายใจความเพิ่ม
ซึ่งพอจะนำสภาวะมาอธิบายได้ว่า ต้นฉบับของผู้ที่เขียนเกี่ยวกับญาณ 16 ผู้นั้นต้องเคยได้วิโมกข์ 8 มาก่อน
แล้วพบเจอสภาวะจิตเสื่อม สมาธิเสื่อมมาก่อน จึงนำเรื่องรูปนาม มาใส่เพิ่มลงไป
แล้วนำเรื่อง อนุโลมญาณ มรรคญาณ ผลญาณ มาขยายใจความเรื่องสัจจานุโลมิกญาณ
และมีอีกกรณีหนึ่ง เกิดจากบุคคลนั้น ต้องเคยพบเจอสภาวะจิตดวงสุดท้ายถึง 2 ครั้ง
และต้องไม่ใช่ผู้ที่ได้วิโมกข์ 8 แต่อาจได้รูปฌานเพียงอย่างเดียว(ฌาน1 ถึงฌาน 4)
ฉะนั้น ญาณ 1 ถึง ญาณ 3 จึงไม่ควรนำมาเป็นสาระแต่อย่างใด เพราะเมื่อผ่านไปได้ ก็จะรู้ชัดสภาวะด้วยตนเองโดยอัตโนมัติ
แต่อย่างไรก็ตาม ต้องถือว่า ผู้ที่แต่งหรือนำเรื่องญาณ 16 มาอธิบายหรือมาเขียนเป็นคนแรก ถือว่ามีพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
เพราะทำให้ผู้ที่ปฏิบัติอยู่ เวลามีสภาวะใดเกิดขึ้น ก็จะรู้ว่า ควรทำอย่างไรต่อไป