๒๘ มีค.๕๗
ทุกข์ของแต่ละคน ที่เกิดขึ้น แตกต่างกันไป ตามเหตุปัจจัยที่มีอยู่ และที่กำลังจะสร้าง ให้เกิดขึ้นใหม่ ทุกๆ ขณะ ที่เกิดจาก ความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นๆ (ผัสะ)
แปลก แต่ จริง
เห็นความแตกต่างของสภาวะหนึ่ง คือ เห็นทุกข์ ที่ตัวเอง กำลังเป็นอยู่
ถึงเวลาเช้า ต้องตื่นขึ้นมาทำกิจวัตร ประจำวัน ก็ทุกข์นะ ใจคิดว่า เช้าอีกแล้วเหรอ
ถึงเวลากินข้าว จะมีอาการปวดท้องเตือน เพราะ ไม่อยากกินข้าว ก็ทุกข์นะ
ใจก็คิด ถึงเวลา ที่จะต้องกินข้าว อีกแล้วเหรอ
ถึงเวลา ต้องขับถ่าย ก็ทุกข์นะ
ใจก็คิด กินแล้วก็ถ่าย ระบบของร่างกาย มีแค่นี้เอง
ถึงเวลานอน ก็ทุกข์นะ
ใจก็คิด ต้องนอน อีกแล้วเหรอ
ชีวิต น่าเบื่อชะมัด เดิมๆ ซ้ำๆ
มีบางสิ่ง ที่ไม่ทำให้ทุกข์ มีแต่ทำแล้ว สงบ
เวลาทำงานบ้าน หรือ ทำกิจอื่นๆ เช่น ยืนเย็บผ้า หรือ การทำความเพียร ในอริยาบทต่างๆ
ไม่เคยมีความคิดว่า ถึงเวลาที่ต้องทำ อีกแล้วเหรอ คือ ไม่มีจริงๆ
เวลาทำงาน จิตจะสงบ รู้อยู่กับงานที่ทำ
บางวัน ไม่อยากไปตลาด เพราะ ใจสงบมาก ไม่อยากไปไหน แต่ต้องออกไป
เพราะ หน้าที่ ที่ต้องดูแล อาหาร การกิน ของคนในครอบครัวนั้น ยังมีอยู่ อะไรที่จำเป็น จึงจะออก ถ้าไม่เร่งด่วน รอได้ จะไม่ออก
การสนทนา
บางครั้ง น้องๆติดขัด เรื่องการดำเนินชีวิต วลัยพรไม่ค่อยได้คุยด้วย ส่วนมากจะแนะนำไปว่า ไปอ่านในบล็อกที่วลัยพรเขียนไว้เถอะ เรื่องที่ถามมาทั้งหมด มีเขียนไว้หมดแล้ว
คือ คำถามส่วนมาก เรื่องเดิมๆซ้ำๆ ถึงแม้ สิ่งที่แต่ละคน พบเจอนั้น อาจจะเปลี่ยนสภาพไป(สิ่งที่เกิดขึ้น)
แต่ดูให้ดีๆเถอะ ตั้งสติดู อย่าไปโอดครวญ อย่าไปโทษใคร แม้กระทั่งโชคชะตา
คิดทบทวน ดูให้ดีๆ สิ่งที่เกิดขึ้น ถึงจะมีเหตุการร์แตกต่างกันไป แต่ทำไม ความรู้สึกนึกคิด จึงเวียนวน เดิมๆซ้ำๆ เหมือนการย้ำคิด
จริงๆแล้ว เป็นเรื่องของ กิเลส ที่ยังมีอยู่ เรามีหน้าที่ คือ รู้ว่ามี รู้ว่า คิด รู้ว่า รู้สึกอย่างไร รู้ไปตามนั้น อย่าไปใส่คำเรียกต่างๆลงไป
การทำแบบนั้น เท่ากันการทับถมกิเลส ลงไปอีก คือ มีปรุงแต่งอยู่แล้ว ตามอุปทานที่มีอยู่ ยังไม่พอ ยังจะเติมการปรุงแต่งของคำเรียกต่างๆ ลงไปอีก
ก็แค่รู้ไปปกติ รู้ว่ามี รู้แค่นี้ แล้วอย่าไปกล่าวโทษนอกตัว โทษคนนั้น คนนี้ เพราะสิ่งนั้น สิ่งนี้ เท่ากับเป้นการสร้างเหตุทางมโนกรรม ให้เกิดขึ้นใหม่
เมื่อภพมี ชาติ ชรา มรณะ ทุกขโทมนัส โสกะ ปริเทวะ ย่อมมีเกิดขึ้น ตามเหตุปัจจัย ต้องโทษตัวเอง เหตุของความไม่รู้ที่มีอยู่ จึงหลงสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้น เดิมๆซ้ำๆ แต่ดูไม่ออก เพราะ ยังหยุดรู้ เฉพาะที่ตัวเอง ยังไม่ได้
ตกงาน
วลัยพรเคยตกงาน ไม่ได้ทำงานหลายปี เหตุจาก ถูกกดราคา จากค่าจ้างวันละ ๕๐๐ บาท/๘ ชม. จะให้วันละ ๓๐๐ บาท/๘ ชม. ก็ยอมตกงาน เพราะรับแล้วไม่คุ้ม ไหนจะค่าเดินทางไกล ไกลจริงๆนะ ถ้าระยะจากปากน้ำ ถึงวัดด่าน ยังพอจะรับได้ นี่เลยไปโน่น นิคมอุตสาหกรรมบางปู บางที่ ไปทางคลองด่าน บางที่ไปบางนา ให้ ๕๐๐ บาท ก็ไม่ไป เพราะ การเดินทาง มีความเสี่ยงสูง รถเยอะ ตอนนั้นตัวเองยังใช้มอไซค์อยู่
เมื่อหางานประจำทำ ยังไม่ได้ ลองค้าขายดู ผลคือ เจ๊งเป็นแสน เพราะ ไม่มีพื้นฐานด้านขายอาหาร ตักไม่เป็น ให้มาก จึงขาดทุน
ถึงแม้มีเหตุการณ์แบบนี้ ทั้งทุกข์ และท้อ แต่ไม่เคยถอยต่อ การทำความเพียร ยิ่งช่วงเจ๊งจากค้าขาย ทำความเพียรแบบ หามรุ่งหามค่ำ ก็ไม่มีทางให้ไปแล้วนี่ รู้แค่ว่า ทำแบบนี้ ชีวิตต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
ทำทั้งน้ำตา น้ำตานองหน้าทุกวัน น้อยใจกับโชคชะตาของตัวเอง เดินจงกรมพร้อมกับสะอื้นไปด้วย สวดมนต์พร้อมกับร้องไห้ไปด้วย ทุกข์จริงๆ แต่ความทุกข์ ไม่ทำให้ให้ท้อถอยต่อการปฏิบัติ
มีสร้างเหตุด้วย ตอนนั้นยังไม่รู้ ขนาดเอาตัวเองยังไม่รอด มีนะยุ่งเรื่องของชาวบ้าน ใครมาถามเรื่องการปฏิบัติ แนะนำไปทั่ว เรื่องอะไรๆๆ ต่อมิอะไร แนะนำหมด ผลคือ เจอแต่สิ่งที่ทำให้ทุกข์หนักกว่าเก่า
มีเหตุนะ
ผลของการทำความเพียรแบบหนัก คงถึงเวลาที่ มีเหตุให้ หยุดสร้างเหตุนอกตัว ที่ยังหลงทำอยู่
มีคนเมา(สนิทกันนะ) ยืนด่าหน้าบ้าน ด่าเป็นชม. เขาพูดสิ่งที่คิดไว้ในใจทั้งหมด
จากเรื่องตรงนั้น ยังไม่จบ โดนชาวบ้านนินทา แล้วเราไปได้ยิน โดยเขาไม่รู้กัน
ทีนี้ทำไงล่ะ ไม่สนใจแล้ว ไม่มีใครจริงใจสักคน ต่อหน้าพูดยกยอปอปั้นเราสารพัด แท้จริง เป็นเรื่องผลประโยชน์ ที่เราทำให้เขาได้ เลิกคบหมดเลยนะ เจอหน้าไม่มั่วสุม แค่ทักทายนิดหน่อย แล้วกลับเข้าบ้าน มุ่งทำความเพียรอย่างเดียว
ต่อมมา มีคนติดต่องานมาให้ ไม่รู้จักกัน แต่เขาได้เบอร์โทรมาจาก เพื่อนที่เคยทำงานด้วยกัน
ชีวิตดีขึ้น
แรกๆ ไปแทนเขา ค่าจ้างวันละ ๕๐๐ บาท/๘ ชม. ห้องทำงานติดแอร์ สัปปายะถูกจริตตัวเอง สมาธิเกิดง่าย
มีหวาดเสียว
ช่วงนั้น ทำกันเป็นทีม มีหน.ทีม จัดตารางงานให้ ได้มีรายได้ ๓๐๐๐-๔๐๐๐ บาท พอจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ (อยู่กับรุ่นน้อง หารคนละครึ่ง พันกว่าบาท) ทำให้เริ่มมีความเป็นอยู่ ที่สบายมากขึ้น(ข้าวซื้อไปกินเอง แกงหน้าบ้าน ถุงละ ๒๐ บาท กินในห้องทำงาน)
ต่อมา บริษัทอีกที่ของหน.ทีม เขาจ้างทีมใหม่ ทีนี้ทีมที่ทำงานในบริษัทนั้น จะมาลงที่เราทำอยู่ เท่ากับมีคนเพิ่มขึ้นอีก ๔ คน แล้วจะได้คนละกี่วันกันล่ะ
ทุกข์มาอีกแล้ว ใจก็คิดว่า ทำยังไงดี รายได้หารออกมาตาจำนวนคนแล้ว ได้ไม่กี่บาท คงต้องหาที่อื่นเพิ่ม
ตอนที่ทำงานอยู่ วลัยพร ทำกรรมฐานที่นั่น ที่ห้องทำงานน่ะแหละ บางวันอยู่ถึงทุ่ม(สภาวะดี) จึงจะกลับก็มี ทำแบบนี้มาตลอด
ที่บริษัทนั้น ระหว่างนั่งสมาธิอยู่ พบเจออะไรมากมาย บางครั้ง มีบางสิ่ง มานั่งขัดสมาธิ ตรงหน้า เราลืมตาขึ้นมา ป๊ะสายตากันทันที
ก็หลับตาลง พร้อมกับบอกว่า อย่ามาแบบนี้ อย่ามาให้เห็น ไม่อยากเห็น แค่รู้ว่ามี ก็พอแล้ว ทำกรรมฐานต่อ แผ่เมตตา กรวดน้ำเสร็จ ลืมตาอีกที หายไปแล้ว
ย้อนกลับไปเรื่องงาน มีเหตุนะ พวกที่จะมาเพิ่ม ต่างได้งานที่อื่นกัน บางคนไปเรียนต่อ
ส่วนคนที่เหลืออยู่ โดนผีหลอก บางคนโดนบีบคอ เห็นหน้าตากันแบบจะๆ ทุกคนกลัว เลยไม่มากันอีก เหลือวลัยพรทำคนเดียว
หลังจากนั้นมา สภาวะการปฏิบัติ และการดำเนินชีวิต มีแต่ความก้าวหน้า ไม่มีถอยหลัง ชีวิตไม่ต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์ แบบก่อนๆ
เจอเจ้านาย
ก่อนที่บริษัทจะเกิดปัญหา แล้วมีเหตุให้เลิกจ้าง มีเหตุให้เจอกับเจ้านายก่อน ที่จะมีเรื่องไม่ต่อสัญญาว่าจ้าง
พอมาอยู่กับเจ้านายประมาณ ๑หรือ ๒ ปี(จำไม่ได้ ขี้เกียจย้อนไปหาอ่านในบล็อก) บริษัทขาดทุน เริ่มประหยัดค่าใช้จ่ายทุกทาง เราถูกย้ายห้องทำงาน ให้ไปนั่งรวมกับฝ่ายบุคคล จนกระทั่งเลิกต่อสัญญา
ไม่อยากได้
หนซทีม ชวนไปทำงานแถวอยุทธยา รายได้วันละ ๑๐๐๐ บาท ให้ไปเป็นอาทิตย์ มีที่พักพร้อม อาหารหากินเอง
เราคุยกับเจ้านายว่า ไม่อยากทำงานแล้ว ถึงจะมีรายได้วันละ ๑๐๐๐ บาท ก็ไม่อยากได้ อยากทำความเพียรมากกว่า
เจ้านายบอกว่า ก็ไม่ต้องทำ อยู่ห้องนี่แหละ ทำงานบ้านไป เขารับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆเอง
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ล้วนมีเหตุนะ
ช่วงที่ทำงานอยู่ ตอนอยู่กับเจ้าใหม่ๆ ทำให้รู้ชัดสภาวะกิเลสต่างๆ ที่ยังมีอยู่มากขึ้น เหตุจาก เริ่มแรกอยู่ด้วยกัน เจ้านายไม่เคยให้เงิน ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน อาหารการกินทั้งหมด วลัยพรเป็นคนจ่าย เริ่มเป็นหนี้บัตรเครดิต เห็นหนี้ แล้วหงุดหงิด ไหนจะงานบ้าน ไหนจะซักผ้า ที่ทำได้เฉพาะวันอาทิตย์(หยุด)
ประทุภายใน ภายนอกเงียบ
ความรู้สึกช่วงนั้น สุดๆ คิดแค่ว่า ต้องอดทน เพราะรู้ดีว่า ถ้าเหตุยังมี ผลย่อมมี ไม่เคยคิดทิ้งเขาไป
เจ้านายเอง มีเหตุให้พบเจอกับเรา และมาอยู่ด้วยกันแบบเฉียดฉิว เส้นยาแดงผ่าแปด
ช่วงนั้น เขาให้ความช่วยเหลือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่รู้จักกันทางเนต เคยเจอตัวจริงครั้งเดียว เขาให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินมาตลอด(ตอนเจอกันใหม่ๆ ผู้หญิงคนนั้น ยังโสด)
ยังมีต่อ