ไข้ทับฤดู

เคยได้ยินแต่ชื่อ แต่ไม่เคยเป็นมาก่อน การป่วยครั้งนี้ทำให้รู้ว่าอาการของไข้ทับฤดูนั้นเป็นอย่างไร ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะมีอาการแบบเราหรือไม่ จะมีไข้สูงตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ ยิ่งดึกๆไข้ยิ่งสูง เนื้อตัวจะร้อนไปหมด มีอาการท้องเสียร่วมด้วย

เราเป็นหวัดลงคอมาสองวัน อาศัยว่าได้พักในสมาธิอาการดีขึ้นมาเรื่อยๆ แต่เมื่อคืนอาการแย่ลง ตัวร้อนมากๆ ท้องเสีย แถมมีรอบเดือนมา มันช่างประจวบเหมาะเสียจริงๆ นี่คืออีกหนึ่งข้อสอบ ที่เราถูกสอบอารมณ์โดยสภาวะ

การที่รู้อยู่ในกายได้บ่อยๆ ช่วยเราได้เยอะมากๆ ทปกติเวลาไม่สบายหรือมีรอบเดือน จะเป็นคนขี้หงุดหงิด อารมณ์เสียง่าย ฟุ้งซ่านง่าย กระวนกระวาย ต้องหลับอย่างเดียวถึงจะช่วยได้

ผลของการเจริญสติที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงในวันนี้ ทำให้เรารู้มาตลอดว่า ที่ทำมาทั้งหมด ไม่มีเสียเปล่า มีแต่ได้กับได้ ทั้งทางโลกและทางธรรม เราถึงกล้ายืนยันให้คนอื่นๆที่กำลังเริ่มทำหรือทำบ้างแล้วว่า มันได้ผลจริงๆ

แต่จงอย่าคาดหวัง คือ คาดหวังได้นะ แต่อย่าไปยึดในสิ่งที่หวัง เพราะถ้ายังมีหวัง ความผิดหวังย่อมมีอย่างแน่นอน หรืออาจจะสมหวังจนหลง นี่นะสภาวะเขามาสอนตลอดในทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิต ทั้งทางโลกและทางธรรม

เพียงฝึกที่จะไม่คาดหวัง คือหวังได้ เพราะยังมีกิเลส แต่ฝึกไม่คาดหวังบ่อยๆ อาจจะบอกกับตัวเองว่า มันไม่เที่ยง มันไม่แน่นอน แล้วแต่อุบายของแต่ละคน แล้วสภาวะเขาจะมาตอกย้ำทำให้เราเลิกคาดหวังไปเอง โดยไม่ต้องไปฝืนใจแต่อย่างใดเลย

ชอบสมาธิยิ่งนัก

ตอนนี้ยอมรับว่า ชอบสมาธิยิ่งนัก เพราะช่วยเราในยามเจ็บป่วยได้มากๆ ไม่ต้องไปกินยาเป็นกำมือ ไม่ต้องไปหาหมอ ก็โรคนี้มันเป็นโรคเฉพาะตัวของเราเอง เรารักษาตัวเองมาตลอด

เพียงแต่ตอนนี้เป็นหลายวันและหนัก เนื่องจากมาเป็นช่วงที่มีรอบเดือนพอดี ไข้ทับฤดูนี่ พอเอ่ยถึง ใครๆก็กลัวนะ แต่เราไม่กล้วเลย การอยู่กับปัจจุบันได้ทันมันดีแบบนี้นี่เอง ไม่มีความกลัวในจิต

เราอาศัยพักจิตในสมาธิอย่างเดียว เรื่องอื่นๆไม่สนใจ สั่งยาให้กับตัวเอง เพราะรู้ดีกว่า อาการแบบนี้ หวัดลงคอ ควรจะต้องให้ยาอะไรถึงจะหาย เพียงแต่ต้องอาศัยสมาธิช่วย

เมื่อจิตได้พักในสมาธิบ่อยๆ จิตจะมีกำลังมากขึ้น กายที่ป่วยอยู่ไม่ส่งผลกระทบกับจิตแต่อย่างใดทั้งสิ้น จิตยังคงเข้าออกสมาธิได้ปกติ กำหนดเข้าออกตอนไหนๆก็ได้

อันนี้เล่าสู่กันฟัง กว่าเราจะกำหนดให้จิตเข้าออกสมาธิตามใจนึกได้นี่ แรกๆเราใช้วิธีบังคับก่อนนะ บังคับลมหายใจนี่แหละ โดยการเพ่งลมหายใจ นี่เป็นเทคนิคส่วนตัว ซึ่งเราเรียนรู้ด้วยตัวเอง

ตัวสภาวะเป็นผู้มาสอน แต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าสภาวะเขามาสอน แรกๆก็สงสัยนะ ทำไมหายใจแบบนั้น เหมือนบังคับลมหายใจ ถ้าเปรียบเหมือนรถ คือ สตาร์ทเครื่องแล้วติดๆดับๆ มีสำลักเป็นพักๆ แต่พอหายใจเข้าที่เข้าทางได้คล่อง เรียกว่ารู้ทางแล้ว ไม่ต้องไปบังคับอีกเลย

จิตเองก็เช่นเดียวกัน พอเข้าออกสมาธิจนคล่องแล้ว เขารู้ทางของเขาเอง เขาเกิดเองได้ตลอดตามที่เราต้องการ กำหนดได้ทันที แค่เอาจิตรู้อยู่ในกาย รู้อยู่อย่างนั้น สมาธิจะเกิดอย่างต่อเนื่องเอง ถ้าคิดจะหยุดก็หยุดได้ทันที

ชอบการเจริญสติยิ่งนัก

การเจริญสติ ทำให้เรามีสติรู้เท่าทันจิต กิเลสที่เกิดขึ้นในจิต ทำให้ไม่ไหลไปหาทั้งอดีตและอนาคต มันจะอยู่กับปัจจุบันได้ทันมากขึ้นเรื่อยๆ รู้อยู่ในกายได้ชัดบ่อยๆ

เมื่อรู้อยู่ในกายได้ การที่จะรู้ชัดในจิต ย่อมรู้ได้ง่ายมากขึ้น แรกๆอาจจะไม่รู้ รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง แล้วจะรู้ชัดขึ้นเรื่อยๆเอง แล้วจะเห็นจิตโสโครกได้ชัดเจน เพียงแต่จะยอมรับตามความเป็นจริงไหมเท่านั้นเอง

จิตดีไม่ต้องไปพูดถึง เพราะการคิดเข้าข้างตัวเองว่าตัวเองนั้นดี เป็นเรื่องปกติ แต่ที่ว่าจิตตัวเองโสโครกนี่สิ มองเห็นหรือยังเท่านั้นเอง แล้วยอมรับได้ไหมว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ กิเลส ตัณหา ความทะยานอยาก ฯลฯ

กุมภาพันธ์ 2011
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28  

คลังเก็บ