เรามักจะมีเรื่องเล่า หลังจากที่มีคนมาสนทนาเรื่องการปฏิบัติ ตลอดจนเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน เรื่องเหตุของการฆ่าก็เช่นกัน
เดี๋ยวนี้เราเป็นคนพูดสั้นลง คือไม่ขยายใจความในคำพูด หากไม่มีการถามต่อ แบบพูดๆแล้วจบ ส่วนใครจะคิดอะไร ยังไง นั่นก็แล้วแต่เหตุของแต่คน
แค่คอยระวังเหตุของตนเองก็แทบจะไม่ทันแล้ว นับประสาอะไรกับเหตุของคนอื่นๆที่เขาคิดจะทำกัน นั่นมันก็เหตุของเขา ซึ่งการทำตรงนี้ก็ส่งผลให้กับสภาวะของตัวเรานะ เป็นเหตุให้ เราไม่ค่อยไปคาดเดาความคิดของคนอื่นๆมากมายเหมือนแต่ก่อน เป็นเหตุให้อยู่กับปัจจุบันได้ทันมากขึ้น เฝ้ารบกับกิเลสในใจที่ตัวเองยังมีอยู่ต่อไป
ถ้าเราสามารถระวังเหตุของเราได้จนหมด เราก็คงสามารถระวังเหตุให้คนอื่นๆในเรื่องการมาสร้างเหตุกับเราได้จนหมดเช่นกัน
นี่เราทำได้แค่ของตัวเรา ทำได้เท่าที่กำลังสติขณะนั้นๆ เรื่องคนอื่นๆเลยไม่คิดแทน ปล่อยให้เป็นไปตามเหตุ
ส่วนเรานั้น ยอมรับไปตามผลของเหตุที่เคยทำไว้ ไม่ไปปฏิเสธในสิ่งที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด เมื่อเหตุยังไม่หมด ผลย่อมต้องรับไป เรื่องธรรมดา
เรื่องการฆ่ามอดครั้งนี้ก็เช่นกัน จากการที่ได้พูดคุยกัน ทำให้เราสามารถแยกแยะเรื่องเหตุของการฆ่าออกมาได้อีกหนึ่งเหตุ ในเรื่องของศิล ๕
บอกตามตรง เราไม่ได้มองในเรื่องของศิลหรืออะไร เพียงแต่เราคิดว่า การที่เราฆ่าเอง โดยเลือกวิธีที่จะฆ่า ถึงแม้จะรู้ว่าจะต้องได้รับผลอย่างไร เราก็ยินดีรับผลไปตามนั้น เหมือนกับการฆ่ามอดในครั้งนี้
ซึ่งเป็นเหตุให้เราระวังตัวมากขึ้น เรียกว่าการเกิดของเหตุแต่ละครั้ง เป็นเหตุให้เราระวังตัวทุกย่างก้าวมากขึ้นไปเรื่อยๆ กลายเป็นคนละเอียดในเรื่องชีวิตของผู้อื่นและเรื่องต่างๆมากขึ้น
เรื่องมอด ที่เราไม่ทิ้งข้าว เหตุก็จากที่เล่าให้ฟัง เพราะนึกถึงคนที่ไม่มีข้าวจะกิน แล้วที่ไม่ได้ใช้วิธีอื่นๆกำจัดมอด เช่น ตากแดด ใส่พริก ก็อย่างที่เล่าให้ฟัง ที่ไม่ทำแบบนั้นเพราะอะไร และที่ไม่ให้คนอื่นๆไป ก็อย่างที่บอก
ในเมื่อเรารู้ถึงเรื่องเหตุและผลแล้ว แต่คนอื่นๆเขาไม่รู้ เราจะไปให้คนอื่นๆมามีวิบากร่วมกับเราทำไม สู้ลงมือทำเองและรับผลไปคนเดียวเองจะดีกว่า คนที่ไม่รู้ย่อมหลงทำไปด้วยความไม่รู้ คนที่รู้ย่อมทำเพราะมีเหตุ
มันคงถึงเวลาที่จะที่ทำให้เรารู้ว่าเราควรทำอย่างไร ถึงได้มีเหตุให้เราเจ็บป่วยในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าอาการค่อนข้างหนักมากๆสำหรับตัวเราเองที่เคยพบเจอมา ทั้งไข้สูง ทั้งเสียเลือด ทั้งแทบจะไม่ได้นอนดี คือ ไอทั้งคืน
เนื่องจากเหตุจากโรคที่เป็นอยู่ที่ประทุกลับขึ้นมาอีกครั้งและประกอบกับการเป็นไข้ทับฤดู ตัวร้อนตลอด ลองอาบน้ำ สระผมแค่ครั้งเดียว เข็ดเลย เล่นเอาไข้กลับเป็นหนักไปกว่าเก่า ไหนจะเสียเลือด ไหนจะไข้ ไหนจะไอทั้งคืน
ดีที่ได้เรื่องการเจริญสติมาช่วย ไม่งั้นเราคงอาการแย่ไปยิ่งกว่านี้ เพราะไม่ได้หาหมอเลย อีกอย่างเรารู้ดีว่า โรคแบบนี้ต่อให้หาหมอ หมอก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ โรคนี้ต้องรักษาด้วยตัวเอง คือ การเจริญสตินี่แหละ และใช้ยารักษาไปด้วย
เรารักษาที่ต้นเหตุ ไม่ได้รักษาที่ปลายเหตุ การรักษาที่ปลายเหตุ ยังไงๆเหตุก้ต้องมีเกิดขึ้นใหม่ต่อไปเรื่อยๆไม่จบ แต่ถ้ารักษาที่ต้นเหตุคือตัวเราเอง ดับเหตุที่เกิดจากตัวเราได้ เหตุต่างๆหรือโรคภัยต่างๆย่อมหมดสิ้นไปอย่างแน่นอน