พี่ชายที่แสนดี

 
 
กำลังดูหนังเรื่องสุสานหิ่งห้อย ดูแล้วทำให้นึกถึงเพลงนี้ พี่ชายที่แสนดี
 
 
 
ชีวิตคนเราทุกรูปทุกนามทุกคนล้วนอยากมีความสุข ไม่มีใครอยากมีความทุกข์
ชีวิตของคนเราก็ไม่ได้แตกต่างจากนิยาย เราอาจจะเคยมีชีวิตในแบบเราไม่เคยคาดคิดก็ได้ใครจะไปรู้
นี่แหละเพราะความไม่รู้เป็นเหตุ  จึงเป็นเหตุให้มีชีวิตที่เจือไปด้วยความทุกข์ต่างๆนาๆ
 
หลายวันมานี้ อาการป่วยทำให้เห็นข้อปลีกย่อยอะไรหลายๆอย่าง
ความเจ็บป่วยทางกาย สามารถทำให้จิตตก หากสติยังหย่อนอยู่
 
ดูจากอุปทานเรื่องของวิลัยที่ได้พูดถึง
จริงๆแล้วเราอุปทานเกิด สติไม่ทัน จึงได้คิดเช่นนั้น
จะหาชีวิตการปฏิบัติแบบนี้ได้ที่ไหน ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งกุศล
 
วิลัยกลับมาจากวัดแล้ว มาถึงก็ให้อนุโมทนากัน
แล้วเขาได้มาขออโหสิกรรมต่อเรา ต่างคนต่างให้การอโหสิกรรมต่อกัน
นี่นะพอคนเข้าถึงธรรมแล้ว นโมเกิดก่อนเลย อ่อนน้อมถ่อมตน ยกมือไหว้ก่อนเลยนะ
 
เมื่อเราเห็นเขาอ่อนลงมาแล้ว จึงได้สอบอารมณ์เขาได้ ถ้ายังไม่ยอมกันนี่สอบอารมณ์ไม่ได้เลยนะ
เพราะการปรามาสยังมีอยู่ เมื่อการปรามาสมีอยู่ กรรมฐานเขาย่อมไม่เจริญก้าวหน้าแต่อย่างใด
 
แล้วก็ให้มีเหตุที่แปลกๆสำหรับในตัวสภาวะของคนที่มาปฏิบัติกับเรา
แต่ละคนถ้าเกิดสภาวะยึดติดกับตัวเราเมื่อไหร่ มันจะมีเหตุนะ มีเหตุให้คนเหล่านั้นต้องห่างออกไป
 
นี่ก็มีอีกคน ซึ่งเราเองก็ดูมาตลอด เราเห็นแล้วว่าสภาวะของเขานั้น
เขาสามารถพึ่งพาตัวเองได้มั่งแล้ว คือ ปรับอินทรีย์เองได้ สภาวะที่เขาติดอยู่มีแค่เรื่องเดียว
ตราบใดที่ยังมีการปรามาส สภาวะเขาจะอยู่แค่นี้ สภาวะนี้ใครๆก็ช่วยเขาไม่ได้ หรือไม่ว่าสภาวะไหนๆใครๆก็มาช่วยกันไม่ได้
ทุกคนต้องช่วยตัวเอง นั่นคือ เจริญสติ เพราะตราบใดที่กำลังของสติยังไม่มากพอ ย่อมตกเป็นขี้ข้ากิเลสเนืองๆ
 
การปฏิบัติไม่มีอะไรเลยจริงๆ มีแต่เรื่องกายและจิต เพียงหมั่นเอาจิตรู้อยู่ในกายให้ได้บ่อยๆ
กำลังของสติ สัมปชัญญะและสมาธิย่อมเจริญขึ้นเรื่อยๆ กิเลสต่างๆที่เกิดขึ้นในจิตย่อมรู้ทันมากขึ้น ย่อมดับได้ไวมากขึ้น
 
สภาวะภายใน กิเลสตัณหาความทะยานอยากเป็นตัวปิดกั้นปัญญาไม่ให้เกิด
สภาวะภายนอก กิเลสตัณหาตัวอุปทานเป็นเหตุก่อให้เกิดความทุกข์
 
ถ้าสามารถเรียนรู้สภาวะภายในจนละเอียดได้ ก็ย่อมรับมือกับสภาวะภายนอกได้
แต่เพราะความไม่รู้ ทำให้เกิดการส่งจิตออกนอกกันบ่อยๆ แทนที่จะเรียนรู้ภายในให้เห็นชัดก่อน
ตัวปัญหาจึงเกิดเนืองๆมากกว่าที่จะทำให้เกิดตัวปัญญา จึงกลายเป็นก่อภพก่อชาติกันไม่รู้จักจบสิ้น
 
ส่วนตัวเราเองในตอนนี้ เพียงต้องการพักเรื่องราวภายนอก
กลับมาเรียนรู้อยู่กับกายให้มากขึ้น  ช่วงไม่สบายนี่การที่จิตรู้อยู่กับกายช่วยเราได้เยอะมาก
ทำให้เราพักจิตได้มากขึ้น  มันสงบจากโลกภายนอก แต่รู้อยู่ภายในแทน ความเจ็บป่วยของสังขารก็แค่รู้มันไป
 
คนที่มุ่งมั่นจริงๆ จะมีความอยากได้ใคร่ดีทางโลกลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
มันไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว ไม่ว่าบ้าน รถฯลฯ เรียกว่าไม่ได้มีความอยากทางโลก
มันจะรู้อยู่แต่ในกายเนืองๆ มันเป็นของมันเอง ว่างเมื่อไหร่ จิตเขาจะอยู่กับภายในกายทันที
 
นับว่าเราและวิลัยต่างสร้างเหตุมาร่วมกัน มีปณิธานเหมือนๆกัน
และนับวันเหมือนกันแทบทุกเรื่อง เราอยู่กับปัจจุบัน ใช้วิตในทางที่ไม่ประมาท
มีแต่คิดสละออก มีแต่ให้กับให้กับคนอื่นๆ โดยไม่ได้หวังผลตอบแทนกลับมาแต่อย่างใด

กันยายน 2010
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930  

คลังเก็บ